แชทไลน์1900ทำสังคมเลว

แชทไลน์1900ทำสังคมเลว
แชทไลน์ 1900 ทำสังคมเลว TOT ต้องเลิก
by : ธิติมา หมีปาน

สืบเนื่องจากการที่ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ได้เคยประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวัฒนธรรม และบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อขอให้ตรวจสอบการให้บริการออดิโอเท็กซ์ประเภทแชทไลน์ (1900) ซึ่งเป็นบริการสาธารณะที่ไม่เหมาะสมและเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการล่อลวงเยาวชนเพื่อกระทำทางเพศนั้น โดยเยาวชนส่วนใหญ่ที่หายตัวไปนั้นมีอายุเฉลี่ยประมาณ 15 ปี และหายตัวไปหลังจากการเข้าไปใช้บริการออดิโอเท็กซ์ประเภทแชทไลน์ (1900) จำนวน 10 ราย ปรากฏว่า ทางกระทรวงวัฒนธรรม ได้ประสานงานไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และบริษัทผู้ให้บริการออดิโอเท็กซ์ประเภทแชทไลน์ (1900) เพื่อหารือถึงเรื่องดังกล่าวแล้วนั้น นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549
ซึ่งต่อมา ทางผู้บริหาร ของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้เรียกบริษัทคู่สัญญาที่ร่วมดำเนินการบริการแชทไลน์ ในระบบออดิโอเท็กซ์ จำนวน 13 ราย เข้าประชุมเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2549 อีกครั้ง เพื่อร่วมหารือมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาแชทไลน์ ในระบบออดิโอเท็กซ์ (1900 XXX XXX) ที่ไม่เหมาะสม

และเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2549 นายไกรสร พรสุธี ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้จัดการประชุมหารือในเรื่องแชทไลน์ อีกครั้ง โดยทางผู้ประกอบการชี้แจงว่า ได้ปฏิบัติตามมาตรการของ บมจ.ทีโอที จากการประชุมหารือเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2549 อย่างเคร่งครัด โดยการงดบริการแชทไลน์ แบบบุคคลภายนอกคุยกันเอง (one to many) เหลือไว้เพียงการให้บริการแบบพูดคุยกับพนักงานของบริษัท (one to one) เท่านั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 30มีนาคม ที่ผ่านมานั้น นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดประชุมเพื่อหามาตรการจัดการกับปัญหาทางโทรศัพท์ในระบบออดิโอเท็กซ์ และหลังจากการประชุมดังกล่าว จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดที่เข้ามาตรวจสอบการทำงานของบริษัทผู้ประกอบการออดิโอเท็กซ์ 1900 อย่างจริงจัง โดยเฉพาะบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ให้สัมปทานแก่ผู้ประกอบการออดิโอเท็กซ์ รวมถึงมีหน้าที่ดูแลและตรวจสอบผู้ประกอบการออดิโอเท็กซ์โดยตรง แต่ บริษัท ทีโอที กลับละเลยไม่ใส่ใจ จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ที่เข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากว่า บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวง ICT
ทั้ง นี้ ทางศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ได้ให้อาสาสมัครทดลองเข้าไปใช้บริการแชทไลน์ 1900 พบว่า ยังมีเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าไปใช้บริการออดิโอเท็กซ์ประเภทแชทไลน์ 1900 อยู่ แม้ว่า ทางบริษัทผู้ประกอบการจะเคยออกมาชี้แจ้งว่า ได้จัดให้มีการป้องกัน โดยการฟังเสียงทางโทรศัพท์ หากฟังเสียงจากแล้วอายุต่ำกว่า 18 ปี จะไม่ให้บริการแชทไลน์ แต่มาตรการป้องกันดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า มาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นยังไม่สามารถนำมาบังคับใช้หรือตรวจสอบได้ จริง ทั้งยังมีการปล่อยปะละเลยให้เด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการอยู่

นอกจากนี้ ทางบริษัทผู้ประกอบการได้ปรับรูปแบบการให้บริการใหม่ โดยเปลี่ยนรูปแบบการสนทนาให้มีลักษณะเป็นการเล่น “เซ็กซ์โฟน” ทางโทรศัพท์ ทั้งนี้ เคยมีผู้เข้าไปทดลองใช้บริการ พบว่า ในการสนทนามีการใช้ถ้อยคำที่เป็นการพูดสองแง่ สองง่าม ประหนึ่งว่ากำลังมีเซ็กซ์กันอยู่ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความต้องการทางเพศ เกิดจินตนาการตาม และช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่ทางโทรศัพท์ และการให้บริการเซ็กซ์โฟนนั้น ถือว่ามีความหมิ่นเหม่ ต่อศีลธรรมอันดีงามของสังคมและชาติ
และเนื้อหาของโฆษณายังคงมีการใช้รูปภาพและถ้อยคำที่เป็นการหมิ่นเหม่ ต่อศีลธรรม อันดีที่ควรมี ซึ่งในเรื่องนี้ทางบริษัท ทีโอที เคยบอกว่าจะเข้าไปควบคุมสื่อโฆษณาต่างๆ มิให้เผยแพร่อย่างที่เป็นอยู่ แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบรูปภาพและถ้อยคำที่เป็นการเชิญชวนในลักษณะลามกอนาจาร และแอบแฝงเรื่องทางกามารมณ์ ซึ่งยังคงมีให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง ตามสื่อต่างๆอยู่เช่นเดิม อาทิเช่น “สายนี้มีแต่นักศึกษา คุยเสร็จไปต่อได้นะค่ะ” หรือ “นักศึกษาสาว ซี๊ดซ๊าด ถึงใจ คุยถูกคอตกลง ราคาเลยค่ะ” นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโฆษณาที่ยังมีให้พบเห็นอย่างมากมายในปัจจุบัน

ซึ่งเมื่อดูจากโฆษณาตามสื่อต่างๆ และการปรับรูปแบบการให้บริการแชทไลน์ในระบบออดิโอเท็กซ์ จะพบว่า ผู้ประกอบการแชทไลน์มุ่งแต่จะแสวงหากำไรจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จากเด็ก และเยาวชน โดยการมอมเมาเด็กและเยาวชนให้หลงมัวเมากับเรื่องทางกามารมณ์ จนทำให้เด็กและเยาวชน ที่เข้าไปใช้บริการดังกล่าวถูกหล่อหลอมให้มีลักษณะนิสัยและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จนอาจเป็นเหตุให้เด็กและเยาวชนกระทำความผิดโดยขาดสติยั้งคิดอย่างที่ควรเป็น
และในฐานะที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) จึงทำให้ กระทรวง ICT มีหน้าที่โดยตรง ในการเข้ามาดูแลการปฏิบัติงานของ บริษัท ทีโอที ให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด แต่จากการที่ ทางศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ได้เคยยื่นข้อเรียกร้องในกรณีการเล่นแชทไลน์ ในระบบออดิโอเท็กซ์ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้มีการตรวจสอบการให้บริการดังกล่าว ปรากฏว่า กระทรวง ICT กลับละเลย และขาดความจริงจังในการแก้ปัญหา

จากปัญหาดังกล่าวทางศูนย์ข้อมูลคนหายฯ จึงขอเสนอข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. ยกเลิกสัญญาสัมปทานการให้บริการออดิโอเท็กซ์แก่บริษัทที่กระทำความผิดทันที
2. ดำเนินการทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปะละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ในการควบคุมดูแลการให้บริการออดิโอเท็กซ์ 1900 ให้เป็นไปตามสัญญา
3. ควรออกมาตรการควบคุมสัญญาสัมปทานที่เป็นบริการสาธารณะ อันอาจก่อผลกระทบต่อเด็ก เยาวชน และสังคมโดยรวม

หาก บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ผู้ให้สัมปทานในการจัดบริการแชทไลน์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่เกิดจากเงินภาษีของประชาชน และมีสโลแกนว่า “รายได้เข้ารัฐ ช่วยพัฒนาชาติ” แต่มีพฤติกรรมที่มุ่งหวังจะแสวงหาผลกำไรจากน้ำกามอย่างเช่นที่ผ่านมา คงไม่แปลก หากจะมีใครออกมาถามว่า ทำไมรัฐวิสาหกิจที่เกิดจากเงินภาษีของประชาชนนั้น ถึงต้องหารายได้เสริมจากบริการ Sex phone
ซึ่งในเรื่องนี้ คงต้องฝากถามไปยัง ท่าน ผู้บริหาร ของ ทีโอที ว่า ยังต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากน้ำกามอีกนานเท่าเพียงใดถึงจะพอใจ

นางสาวธิติมา หมีปาน
ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์
มูลนิธิกระจกเงา

Leave a Reply