ขายบริการผ่านหนังสือรถ

ขายบริการผ่านหนังสือรถ
ขายบริการผ่านหนังสือรถ เซ็กส์แนวใหม่…คนใจเหงา!
ที่มา : คมชัดลึก
ตราบใดที่คนเรายังมี “ความต้องการทางเพศ”
และความต้องการเหล่านั้น สามารถซื้อ-ขายกันได้ ตราบนั้นผู้ซื้อกับ
ผู้ขายย่อม สามารถแลกเปลี่ยน ความต้องการของตนเองได้เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นโดยช่องทางธรรมดา ตามสถานบริการอาบ อบ นวด การเร่ขาย
และหาซื้อเอาตามริมฟุตบาท หรือกระทั่งการแอบแฝงมาใน ลักษณะการลงโฆษณา
“หาคู่” หรือ “หาเพื่อนแก้เหงา” ตามสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ
ล่าสุด ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็ก และเยาวชน (กก.สด.)
นำโดย พ.ต.อ.สุรัศมิ์ อุดมรัตน์ ผกก.สด. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธรรมนูญ
มั่นคง รอง ผกก. 2 ดพ. ช่วยราชการ กก.สด. พ.ต.ต.จักษ์ ยังให้ผล
สว.แผนกแผนกสืบตรวจตรา และควบคุม นำกำลังเข้าล่อซื้อประเวณี
หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า
มีการแอบแฝงขายบริการทางเพศในหน้าโฆษณาของหนังสือรถ
โดยมีการให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับ

จากนั้นตำรวจจึงให้สายโทรไปติดต่อผู้ที่ลงประกาศไว้ในหนังสือรถฉบับหนึ่ง
ซึ่งมีข้อความเชิญชวน อาทิ “ลิซ่า” ที่รัก สวรรค์บนดิน วิมานในฝัน
วิมานจะเป็นจริงเพียงปลายนิ้วสัมผัส คุณจะได้เพื่อนที่รู้ใจคุณทุกอย่าง
และ “โมนิก้า” แหล่งรวมมือสมัครเล่น ยามคุณเหงาและว้าเหว่
คุณเคยผิดหวังจากที่อื่น ที่นี่เรามีนิสิตและสาวสวยมากมายหลายอาชีพ
ที่เป็นมือสมัครเล่นไว้เป็นเพื่อนคุณ…
เมื่อติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ของ “โมนิก้า”
ได้มีการนัดหมายให้พาหญิงสาวมาพบที่โรงแรมการ์เด้น อินน์ ซ.ลาดพร้าว 25
แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ราคาเริ่มต้นที่ 2,500-3,000 บาท
ขึ้นอยู่กับหน้าตา และรูปร่าง โดยตำรวจได้เลือกหญิงสาวในราคา 2,500 บาท
และโดยต่อรองให้นำหญิงสาว 2 คนมาให้เลือก
ต่อมา เวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 10 ธันวาคม ได้มี นายสมบัติ
แซ่ตั้ง อายุ 43 ปี มาที่โรงแรม และพาไปพบหญิงสาวอายุประมาณ 19-20 ปี
จำนวน 2 คน ซึ่งรออยู่ที่ลานจอดรถของโรงแรม จากนั้นจึงได้เปิดห้องพัก
และจ่ายเงินให้หญิงสาว
ก่อนเจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่จะกรูเข้าจับกุมในเวลาต่อมา
ส่วนเบอร์โทรศัพท์ “ลิซ่า”
ได้มีการนัดหมายให้พาหญิงสาวมาพบที่หน้าห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง
ธนบุรี เมื่อถึงเวลานัดมีหญิงสาวอายุประมาณ 16-17 ปี รออยู่จำนวน 3 คน
ตำรวจจึงเกลี้ยกล่อมให้เป็นพยาน และให้นำทางไปหาเอเย่นต์ คือ
นางจันทร์จิรา สุขมาก อายุ 34 ปี ที่ ซ.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.นนทบุรี
ก่อนจะแสดงตัวเข้าจับกุมได้อีกราย
ผลการจับกุมสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ส่วนหญิงสาวทั้งหมด
กันไว้เป็นพยาน โดยในจำนวน นั้นมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพียง 1 คน
จึงตั้งข้อหาเป็นธุระจัดหาเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อการค้าประเวณี
มีระวางโทษจำคุก 3-15 ปี และเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งชายและหญิง
ตามโฆษณาหรือรับโฆษณาชักชวนด้วยเอกสารสิ่งพิมพ์ มีโทษจำคุก 6 เดือน 2
ปี และปรับ 10,000-40,000 บาท
จากการสอบปากคำ นางจันทร์จิรา ให้การว่า
มีฝ่ายการตลาดของนิตยสารรถยนต์ฉบับหนึ่งเชิญชวนให้มาลงโฆษณาประเภทนี้
จึงลองลงโฆษณาเป็นเดือนแรก และจัดหาหญิงสาวมาจากกะเทยชื่อ “หนุ่ย”
โดยตนมีหน้าที่แค่รับโทรศัพท์ และนัดลูกค้า
จากนั้นจะโทรศัพท์ไปหานายหนุ่ยเพื่อให้หาเด็กมาให้
แต่ละครั้งจะได้ค่านายหน้ารายละ 200 บาท
ด้าน น.ส.อุ้ม (นามสมมติ ) อายุ 17 ปี
หนึ่งในสาวบริการที่ถูกกันไว้เป็นพยาน ยอมรับว่า
จำเป็นต้องทำงานประเภทนี้เพื่อหาเงินเป็นค่าห้องพัก
และค่าเทอมสำหรับเรียนในระดับ ปวช.
โดยหลังจากพ่อแม่เสียชีวิตก็ได้มาอยู่กับน้า
แต่ระยะหลังน้าไม่ส่งเงินให้เรียน
เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อนรู้จากเพื่อนๆ ตอนที่กลับบ้านเกิดที่
จ.เชียงราย ว่า นายหนุ่ย ซึ่งเป็นคน จ.เชียงราย
เหมือนกันจะจัดการหาลูกค้าให้ จึงตัดสินใจเข้าไปสมัคร
ได้เงินค่าตัวครั้งละ 1,200 บาท ส่วนนางจันทร์จิรา
รู้ว่าเป็นคนที่ตนต้องจ่ายเงินให้ แต่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
ขณะที่ พ.ต.ท.ธรรมนูญ มั่นคง รอง ผกก.สด. เผยว่า
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ได้มีคำสั่งจาก
พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)
ให้ตรวจสอบการลงโฆษณาในหนังสือรถยนต์ตามที่ประชาชนร้องเรียนว่า
มีการค้าประเวณีแอบแฝง
จากนั้นจึงได้มีการตรวจสอบโดยการโทรติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ทิ้งไว้ในหนังสือรถยนต์ฉบับหนึ่ง
ก่อนจะมีการจับกุมในที่สุด
สำหรับเด็กที่มาขายบริการจะมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
และจะมีอาชีพหลากหลาย ตั้งแต่ นักเรียน นักศึกษา
สาวบริการไปจนถึงพนักงานบริษัท
ผู้หญิงบริการเหล่านี้จะไม่ได้เป็นเด็กในสังกัดของเอเย่นต์คนใดคนหนึ่ง
แต่จะอาศัยการหาลูกค้าโดยนำเบอร์โทรศัพท์ของ ตัวเองไปฝากไว้กับเอเย่นต์
และเมื่อมีงานเอเย่นต์จะติดต่อเข้ามาเองขึ้นอยู่กับว่าใคร “ว่างงาน”
ในช่วงนั้นหรือไม่
พ.ต.ท.ธรรมนูญ ให้ข้อมูลว่า
หลังจากที่ได้พูดคุยกับหญิงที่ขายบริการส่วนใหญ่ทำให้รู้ว่าคนพวกนี้มีปัญหาเหมือนๆ
กัน คือ ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ จึงต้องมาขายบริการ
แต่อีกสาเหตุเป็นเพราะชอบใช้จ่ายเกินตัวตามสภาพสังคมที่ฟุ้งเฟ้อ
ซึ่งในส่วนการทำงานของตำรวจก็ทำได้เพียงกวดขันจับกุม
และจับกุมเอเย่นต์เพื่อเป็นการตัดวงจรธุรกิจเท่านั้น
ส่วนการแก้ไขในภาพรวมต้องเป็นหน้าที่ของทุกคนสังคม

ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ตั้งข้อหาเป็นธุระจัดหาเพื่อการค้าประเวณี
ซึ่งน่า จะมีการตั้งข้อหาเพิ่มเติมอีกหลาย
ข้อหาหากได้พยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งคดีนี้เป็น คดีที่เข้าข่ายความ
ผิดมูลฐานในข้อหา “ฟอกเงิน” ของ ปปง. และสามารถที่จะยึดทรัพย์ของ
พวกเอเย่นต์เหล่านี้ได้หากพิสูจน์ ได้ว่าทรัพย์สินที่หามาได้เกิด
จากการทำธุรกิจการค้าประเวณี

Leave a Reply