สวนลุมพินี

สวนลุมพินี
แฉกลางสภาสวนลุมฉาว พลอดรักโจ๋งครึ่ม-กลางคืนขายตัว
ตั้ง 17 กมธ.ศึกษารื้อ พ.ร.บ.กทม.แฉกลางสภาสวนลุมฉาว พลอดรักโจ๋งครึ่ม-กลางคืนขายตัว
สภา กทม.มีมติตั้งคณะกรรมการวิสามัญ 17 คน ศึกษา พ.ร.บ.กทม.แบบไม่จำกัดเวลา ส.ก.พปช.ชี้ ควรให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ไม่ใช่จำกัดแค่ผู้บริหาร กทม.เท่านั้น พร้อมแฉจะจะกลางสภา หนุ่มสาวใช้สวนลุมฯ พลอดรักโจ๋งครึ่ม แถมกลางคืนมีขายตัวริมกำแพง

ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 4 โดยมีนายธวัชชัย ปิยนนทยา ประธานสภา กทม.เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ นายวิสูตร สำเร็จวาณิชย์ ส.ก.เขตลาดกระบัง พรรคพลังประชาชน ได้ยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาต่อที่ประชุมสภา กทม.ขอให้สภาตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาศึกษาพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 โดยอภิปรายว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวได้บังคับใช้มานานกว่า 23 ปี ซึ่งจากการศึกษาข้อมูล พบว่า บทบัญญัติบางข้อมีความขัดแย้งกับกฎหมายหลายฉบับ รวมไปถึงรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 เป็นต้น นอกจากนั้นบทบาทหน้าที่ อำนาจการบริหารมีปัญหาหลายด้าน อาทิ การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นนั้น การบริหารจัดการของผู้บริหาร กทม.ไม่สามารถปกครอง ดูแลความเรียบร้อยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพได้อย่างแท้จริง ดังนั้น ควรที่จะมีการปรับแก้ไข แต่ทั้งนี้ ต้องให้หน่วยงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วม ไม่ใช่เป็นเรื่องเฉพาะของผู้บริหารฝ่ายการเมืองเท่านั้น แต่จะต้องสอบถามความเห็นจากสภา กทม.หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้กฎหมายฉบับแก้ไขสามารถผ่านและประกาศใช้ต่อไปได้ เบื้องต้นนั้นควรที่จะให้ผู้บริหาร และ ส.ก.ร่วมหารือ และศึกษาร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับ กทม.และประชาชนมากที่สุด

นายวิสูตร กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าฯ กทม.สามารถเข้าร่วมประชุมกับคณะรัฐมนตรีได้ แต่ตอนนี้ตนไม่ทราบว่ามีปัญหาขัดข้องอะไร จึงไม่สามารถเข้าร่วมได้อีก ดังนั้น ในการแก้ไข พ.ร.บ.กทม.อาจจะต้องมีการกำหนดให้ชัดเจนในเรื่องดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม การศึกษา พ.ร.บ.ดังกล่าวจะไม่มีการกำหนดกรอบเวลา เพราะมีข้อที่ศึกษาเป็นจำนวนมาก หากกำหนดกรอบอาจจะทำให้ขาดความรอบคอบถี่ถ้วน ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะตั้งคณะอนุกรรมการ โดยมีนักวิชาการคนนอกเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบในญัตติดังกล่าวอย่างเป็นเอกฉันท์ และให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญ จำนวน 17 คน เพื่อศึกษา พ.ร.บ.ดังกล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการอภิปรายในญัตติเรื่อง ขอให้ กทม.ควบคุมดูแลการใช้บริการสวนสาธารณะ ที่เสนอโดย นายพิรกร วีรกุลสุนทร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตจอมทอง โดย นายพิรกร อภิปรายว่า สวนสาธารณะที่ กทม.ดูแลอยู่นั้น ปัจจุบันพบว่าไม่ได้เข้มงวดในเรื่องระเบียบข้อปฏิบัติสำหรับประชาชนที่เข้า ไปใช้พื้นที่บริเวณสวนสาธารณะหลายแห่ง เช่น พื้นที่ของสวนลุมพินี ที่ล่าสุด พบว่า มีวัยรุ่นหนุ่มสาวเข้าไปพลอดรักกันกลางสวน โดยไม่อายสายตาประชาชน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ก็ไมได้เข้าไปตักเตือน หรือห้ามปราม นอกจากนั้นแล้ว ช่วงกลางคืนยังพบผู้หญิงขายบริการ ใช้พื้นที่ริมกำแพงสวนลุมพินีเป็นที่ทำการขายบริการทางเพศ ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม

ด้านนายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ส.ก.เขตบางรัก อภิปรายว่า ควรเร่งเพิ่มห้องสุขาในสวนสาธารณะกทม.และควรเร่งการติดตั้งกล้องโทรทัศน์ วงจรปิด (ซีซีทีวี) เพื่อดูแลการกระทำอันผิดต่อข้อปฎิบัติการใช้สวนสาธารณะอย่างจริงจัง

ขณะที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า เรื่องปัญหาต่างๆ เช่น จำนวนห้องสุขา ตนยอมรับว่า ได้สั่งการไปแล้ว ตั้งแต่ที่ตนเป็นผู้ว่าฯ กทม.สมัยแรก แต่เกิดความล่าช้าอย่างมาก ซึ่งตนจะเข้าไปติดตามเร่งรัดต่อไป ส่วนเรื่องการขายบริการทางเพศนั้นแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่สวนสาธารณะ ตนก็จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปสำรวจ เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ รปภ.ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างเพิ่มเติม
ที่มา ผู้จัดการ

สวนลุมพินี
แม้จะยังจัดอยู่ในหมวด ‘เรื่องต้องห้าม’ แต่ไม่ต้องบอกก็น่าจะเดาได้ว่าเซ็กซ์เป็นสินค้าทำเงินมหาศาลอันดับต้นๆ ของโลก นอกจากนั้นมันยังเป็นตัวแปรสำคัญในการเคลื่อนไหวด้านต่างๆ อยู่เสมอ ถึงจะไม่ค่อยมีใครพูดถึงมันอย่างโจ่งแจ้ง บางด้านของการเมืองการปกครองก็มีเซ็กซ์เป็นปัจจัยขับ (ผมเพิ่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับรสนิยมทางเซ็กซ์ของพวกผู้นำเผด็จการ อย่างฮิตเลอร์ ประธานเหมา ฟิเดล คาสโตร และพบว่ามันมีอิทธิพลหรือเป็นส่วนประกอบสำคัญไม่น้อยในการใช้ชีวิต การตัดสินใจ และมุมมองเกี่ยวกับมนุษย์ของพวกเขา-ซึ่งทำให้ผมเกิดความสงสัยและคันไม้คัน มืออยากสืบเสาะเคาะค้นข้อมูลเกี่ยวกับรสนิยมและพฤติกรรมทางเซ็กซ์ของผู้นำ บ้านเมืองเราบางคนขึ้นมาทันที) ผมไม่คิดว่าการบริโภคสื่อที่ขายเซ็กซ์มากๆ จะทำให้ผมกลายเป็นนักข่มขืน หรือจะทำให้ผมมองผู้หญิงเป็นเพียงวัตถุ ผมว่าคนเราคงมีวิธีรับและเสพสารแตกต่างกัน ข่าววัยรุ่นหนุ่ม ‘รุมโทรม’ สาวที่เกิดขึ้นถี่มากในช่วงนี้ มีความเป็นไปได้มากทีเดียวที่จะเกิดจากอิทธิพลของหนังโป๊ที่พวกเขาดูและ พยายามเลียนแบบ ประชาชนจำนวนมากในประเทศไทยของเรายังเรียกได้ว่าตกอยู่ในภาวะ ‘เก็บกด’ (repressed) โดยวิถีชีวิตแบบมือถือสากปากถือศีล เสแสร้งตลบตะแลง ทำให้การระบายออกของคนยังถูกถ่ายทอดเป็นความรุนแรง ขาดการไตร่ตรอง แต่ทั้งหมดนี้ผมว่าไม่ใช่ความผิดของการค้าเซ็กซ์โดยตรง แต่อยู่ที่พื้นฐานสังคมที่กว้างกว่านั้น

ที่พักของผมอยู่ไม่ไกลจากสวนลุมพินี การเดินทางกลับบ้านต้องผ่านรั้วฝั่งถนนพระรามสี่ของสวนสาธารณะยอดนิยมแห่ง นี้เสมอ และแทบทุกคืน ผมจะได้เห็นสาวๆ น้อยใหญ่ในชุดเซ็กซี่ โปะเครื่องสำอางหนาเตอะ ยืนหรารอ ‘เหยื่อ’ อยู่บนฟุตบาท บางคืนมีมากถึงยี่สิบกว่าคน พวกเธอไม่ได้หลบซ่อนอยู่ในเงาสลัว แต่ประกาศตัวชัดเจนว่าขายอะไร จะว่าไปก็ไม่ต่างจากดารานางแบบบนปกนิตยสารหรือในจอทีวี เพียงแต่สาวสวนลุมฯได้ค่าตัวน้อยกว่ามาก และไม่มีใครเชิญพวกเธอไปออกงานสังคม เมื่อก่อนผมผ่านโดยไม่ตั้งใจมอง แต่เมื่อต้องผ่านบ่อยเข้า ก็สังเกตว่าผู้หญิงที่มายืนอยู่เป็นคนเดิมๆ ซ้ำกันทุกคืน ถือเป็นงานประจำที่มี ‘ตำแหน่ง’ ไม่แพ้อาชีพอื่นๆ-จะไม่น่าแปลกใจเช่นกันที่ผู้ชาย ‘ดีๆ’ และมีหน้ามีตาในสังคมหลายคน จะเคยแวะรับพวกเธอขึ้นรถมาแล้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างรู้ดีว่ามีการขายเซ็กซ์เกิดขึ้นที่จุดใดของเมืองบ้าง ถ้าไม่รู้ก็แปลก เพราะชาวบ้านรู้กันถ้วนหน้า ผมเคยได้ยินตำรวจนายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า จับสาวลวนลุมฯไปก็เท่านั้น เปลืองพื้นที่โรงพัก เมื่อพวกเธอพ้นโทษออกมา ก็กลับมายืนในตำแหน่งริมรั้วเหมือนเดิม ซึ่งผมคาดว่าสถานการณ์ในจุดอื่นๆ ก็คงไม่ต่างกัน จนมันกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายที่ได้รับการอนุโลมให้ถูกกฎหมายอย่างเงียบๆ ในบางเวลา คือทำเสียว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดมากมายกับสิ่งที่ไม่มีวันหมดสิ้นไปจากสังคม-อาชีพที่ เก่าแก่ที่สุดในโลก อย่างไรเสียก็คงไม่สูญพันธุ์

ผมไม่มีความรู้สึกต่อต้านการทำงาน ‘ขายตัว’ ของผู้หญิงกลางคืนอย่างสาวสวนลุมฯ และในบางแง่มุม การอนุโลมเป็นบางเวลาของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็น่าเอ็นดูดี หากมันเกิดจากความเห็นอกเห็นใจระหว่างมนุษย์ และไม่ใช่เพราะพวกเขาได้ผลประโยชน์เป็นตัวเงินจากการอนุโลมนั้น ผมอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมอาชีพขายบริการทางเพศจึงไม่ใช่ความผิดหนัก หนาในความรู้สึกของผม อาจเป็นเหมือนที่คุณ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ หรือที่นักเขียนฝรั่งอย่างเฮนรี มิลเลอร์ (Henry Miller) สะท้อนด้วยวรรณกรรมว่าโสเภณีที่เลือกงานนี้เองโดยความสมัครใจ ก็มีศักดิ์ศรี มีคุณค่าในความเป็นมนุษย์ผู้ตรากตรำทำงานหนักเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

ที่สำคัญ ผมรู้สึกว่าการขายตัวแบบนั้นเป็นความ ‘จริง’ ของชีวิตที่ไม่ถูกปรุงแต่งให้ดูดีภายนอก เหมือนอาชีพดารานางแบบ หรืออาชีพอื่นๆ ที่คนยอมรับและถูกกฎหมาย แต่พฤติกรรมเบื้องหลังของบางกลุ่มบางคนในสังคมชั้นสูงอย่างนั้น กลับเสแสร้งและสกปรกยิ่งกว่าคนที่สังคมดูถูกอย่างโสเภณี ความหมายของการ ‘ขายตัว’ มีมากกว่าการแก้ผ้าให้คนอื่นสังวาส แต่มันหมายรวมถึงการ ‘ยอมทำอะไรก็ได้’ ด้วยจุดประสงค์เดียว คือเงิน
ที่มา http://www.onopen.com/node/3511

Leave a Reply