สวนสาธารณะ

สวนสาธารณะ
จากสวนสาธารณะสู่เซ็กส์ออนไลน์
หากมองย้อนในอดีตรูปแบบการ”ขายตัว-ขายบริการทางเพศ”
ชายใดที่ต้องการซื้อบริการก็ต้องไปตามสถานที่ขายบริการไม่ว่าจะเป็น”อาบอบนวด-โรงแรม”
หรือย่านสวนสาธารณะที่โด่งดังในเมืองหลวง ไม่ว่าจะ
“ใต้ต้นขนุน ริมคลองหลอด ใต้ต้นมะขามรอบสนามหลวง ริมรั้วสวนลุมพินี ริมถนนย่านเพชรบุรี”
แต่ ณ วันนี้ในยุคของโลกเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ที่เข้าถึงกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย อินเทอร์เน็ตค่าเฟ่
ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ทำให้การขายบริการทางเพศเปลี่ยนรูปแบบไป
เป็นการ”ขายเซ็กซ์ผ่านโลกไซต์เบอร์”แทน

สาวที่ต้องการขายบริการรุ่นใหม่ ไม่ต้องไปยืนรับลมหนาว
ใต้ต้นมะขาม ใต้ต้นขนุน ริมถนนอีกแล้ว เพียงเดินเข้าไปอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
โพสต์ข้อความ แชทไลน์ตามโปรแกรมต่างๆเสนอขายบริการได้ทันที
ขณะที่หนุ่มใด ต้องการซื้อบริการก็สามารถ
เข้าไปควานหาตามแหล่งข้อมูลเว็บไซต์เพื่อซื้อเซ็กซ์ออนไลน์ได้ตลอดเวลา

สวิงกิ้ง..โรคร้ายแพร่ระบาดเข้าสู่..เยาวชนไทย
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “สวิงกิ้ง-Swinging” หลายท่านย่อมต้องนึกถึงเรื่องบนเตียงอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งตามความหมายของ “สวิงกิ้ง”คือ เป็นรูปแบบหนึ่งของการมีเซ็กซ์ โดยแลกเปลี่ยนคู่นอน ให้หลับนอนกับคนอื่น รวมถึงการมีเซ็กซ์หมู่ หรือมีเพศสัมพันธ์แบบหลายคนในคราวเดียว

การ”สวิงกิ้ง”ยังรวมไปถึงการนั่งดูคู่อื่นมีเซ็กซ์กัน หรือเข้าร่วมมีเพศสัมพันธ์ด้วย ส่วนคนที่มีรสนิยมชอบ”สวิงกิ้ง”มีทั้งคู่นอนที่แต่งงานแล้ว ต้องการความแปลกใหม่ในเรื่องเซ็กซ์, เด็กวัยรุ่นที่เป็นแฟนกันจนถึงคนที่ยังไม่มีแฟน แต่อยากลอง

นับว่าใน ยุคโลกาภิวัฒน์ ที่เทคโนโลยี วัตถุนิยม เข้าครอบงำสภาพจิตใจคนเรามากขึ้นทำให้จิตใจ ความคิด อุดมคติ ของหลายคนก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามโลกยุคใหม่แต่”จิตใจเริ่มต่ำลง”

จึง น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งวิถีชีวิต วัฒนธรรมต่างชาติ เริ่มเข้ามาครอบงำวัฒนธรรมไทย ที่เริ่มจางหายไปทุกขณะไม่ว่าเรื่องวัตถุนิยม หรือแม้กระทั่งการแสดงออกเรื่องเพศแบบเสรี “ฟรีเซ็กซ์”

ตำรวจท่องเที่ยว ทลายเซ็กซ์ทัวร์ชาวต่างชาติ

เห็นได้จากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา”ตำรวจท่องเที่ยว”เข้าทลายจับกุม”ปาร์ตี้เซ็กซ์ทัวร์”แบบสวิงกิ้ง โดยมีนายหน้าชาวอังกฤษ ร่วมกับเมียชาวไทย เปิดเวบไซต์หาลูกค้าชาวต่างชาติมาร่วม”สวิงกิ้ง”

ครั้งนั้นตำรวจจับกุมชายต่างชาติกว่า 10 คน หญิงไทยอีกหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวขายบริการทางเพศ เป็นที่น่าตกใจที่”ปาร์ตี้เซ็กทัวร์”รายนี้จัดมาเป็นเวลานาน ตระเวนเปิดห้องพักตามโรงแรมในกรุงเทพฯ-พัทยา ร่วมวงสวิงกิ้ง อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ที่น่าห่วงน่าตกใจกว่านั้นเพียงเวลาไม่กี่วันถัดมา”ตำรวจปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กเยาวชนและสตรี” หรือ “ปดส.”บุกทลาย”ปาร์ตี้สวิ้งกิ้ง”อีกครั้งย่านโรงแรมชานเมือง

แต่ครั้งนี้มิใช่ปาร์ตี้ของชาวต่างชาติ กลับกลายเป็นปาร์ตี้เซ็กซ์ของกลุ่มวัยรุ่น วัยโจ๋ ทั้งชายหญิง กว่า 10 คน ร่วมวงละเลงรักกันอย่างโจ๋งครึ้ม โดยการใช้”อินเทอร์เน็ต”ในการติดต่อแลกเปลี่ยนคู่นอน ร่วมวง”สวิงกิ้ง”

ตำรวจ ปดส.ทลายวัยรุ่นร่วมวงสวิงกิ้ง

ค่านิยมเพศสัมพันธ์แบบเสรี ฟรีเซ็กซ์ สวิงกิ้ง ลุกลามเข้าสู่เยาวชนไทยแล้วหรือ!!! ช่างน่าห่วงเด็กไทยเสียเหลือเกิน

หากมองย้อนในอดีตรูปแบบการ”ขายตัว-ขายบริการทางเพศ” ชายใดที่ต้องการซื้อบริการก็ต้องไปตามสถานที่ขายบริการไม่ว่าจะเป็น”อาบอบนวด-โรงแรม”

หรือย่านสวนสาธารณะที่โด่งดังในเมืองหลวง ไม่ว่าจะ”ใต้ต้นขนุน ริมคลองหลอด ใต้ต้นมะขามรอบสนามหลวง ริมรั้วสวนลุมพินี ริมถนนย่านเพชรบุรี”

แต่ ณ วันนี้ในยุคของโลกเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ที่เข้าถึงกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย อินเทอร์เน็ตค่าเฟ่ ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ทำให้การขายบริการทางเพศเปลี่ยนรูปแบบไป เป็นการ”ขายเซ็กซ์ผ่านโลกไซต์เบอร์”แทน

สาวที่ต้องการขายบริการรุ่นใหม่ ไม่ต้องไปยืนรับลมหนาวใต้ต้นมะขาม ใต้ต้นขนุน ริมถนนอีกแล้ว เพียงเดินเข้าไปอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ โพสต์ข้อความ แชทไลน์ตามโปรแกรมต่างๆเสนอขายบริการได้ทันที

ขณะที่หนุ่มใด ต้องการซื้อบริการก็สามารถเข้าไปควานหาตามแหล่งข้อมูลเว็บไซต์เพื่อซื้อเซ็กซ์ออนไลน์ได้ตลอดเวลา

การเสนอข่าวตัวทางอินเทอร์เน็ต

ที่ น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งในสังคมทุกวันนี้ หญิงสาวที่เสนอขายบริการทางเพศนับวันเริ่มมีอายุน้อย เป็นเด็กนักเรียน นักศึกษา ซึ่งต่างกับอดีตส่วนใหญ่เป็นหญิงวัยกลางคน

เพราะ ความฟุ่มเฟ้อ เห่อวัตถุนิยม รับวัฒนธรรมฟรีเซ็กซ์จากชาติตะวันตก หลงลืมวัฒนธรรมไทย นำไปสู่การ”เสนอขายเรือนกาย”ที่เกิดขึ้นเกลื่อนเมือง

แล้วเราจะแก้ตัวกับต่างชาติได้อย่างไรกับคำพูดว่า”เมืองไทยคือแหล่งขายเซ็กซ์”!!!!!
ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=397752

สวนสาธารณะ
วันก่อนไปเจอเด็กผู้หญิง นั่งคนเดียวในสวนสาธารณะ
คือว่าวันก่อนผมไปเจอเด็กผู้หญิง อายุสักประมาณ 15-16
นั่งคนเดียวอยู่ในสวนสาธารณะ ตอนนั้นก็สักประมาณสามทุ่มละ
ไอ้เราก็เป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอันตราย ก็เลยเข้าไปเตือนว่า
อยู่คนเดียวแบบนี้มันอันตรายนะ ไม่กลับบ้านเหรอ
เดียวพ่อแม่เป้นห่วง น้องเค้าก็บอกว่า 1500 ไปกับหนูมั้ยค่ะ
ไอ้เราก็ไม่ได้คิดอะไรกับเด็ก ก็บอกไปว่า ทำอย่างนี้มันไม่ดีนะ
ถ้าพ่อแม่รู้จะเสียใจ แล้วก็เลยว่าน้องเค้าไปกินข้าวและพาไปส่งบ้าน
เพื่อนๆ คิดว่าผมควรจะทำยังไงดี ให้เด็กคนนี้กลับตัวกลับใจซะ
ที่มา กระทู้จากเน็ต

โรคติดเซ็กส์ลามวัยโจ๋ ศธ.คุมพลอดรักออกกฎกำหนดอายุนร. ห้ามกุ๊กกิ๊กที่สาธารณะ
——————————————————————————–
นัก จิตวิทยาเผยโรค”ติดเซ็กซ์”ระบาดมากขึ้น โดยเฉพาะหญิงไทยและวัยโจ๋ ระบุมีอาการเหมือนติดบุหรี่ เลิกยาก หากไม่มีเพศสัมพันธ์จะซึมเศร้า บางคนขายตัวไม่ได้หวังเงิน แต่เพื่อสนองอารมณ์ตัวเอง

จากกรณีที่ มหาวิทยาลัยสถาบันราชภัฏสวนดุสิต จัดเสวนาในหัวข้อ “ทำไมนักเรียน-นักศึกษาไทยจึงไม่รักนวลสงวนตัว” โดยมีการระบุว่า วัยรุ่นนิยมมีเพศสัมพันธ์ในมุมอับตามห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และรถเมล์ รวมทั้งงานกีฬาสีของโรงเรียนก็เป็นที่พลอดรักและมีเพศสัมพันธ์กันด้วยนั้น ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากถึงพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่น ไทยที่กำลังลุกลามไปทั่ว และอาจทำให้โรค “ติดเซ็กซ์” หรือ “เซ็กซ์ชวลลี่ แอดดิคต์” มีการระบาดมากขึ้นในสังคมไทย

ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา และอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดเผยว่า ประเทศไทยเริ่มมีโรคติดเซ็กซ์มาตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่นับวันยิ่งมีการระบาดของโรคนี้มากขึ้น โดยกลุ่มที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ คือผู้หญิง และวัยรุ่นไทย โดยผู้ป่วยจะมีพฤติกรรม 4 ขั้นคือ มักสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ชอบโชว์โป๊ แอบดู ซึ่งหมายรวมถึงการดูภาพโป๊ในอินเตอร์เน็ต วีซีดี และขั้นสุดท้ายคือการค้าประเวณีเพื่อหาความสุขทางเพศ ไม่ใช่เพื่อเงิน ทั้งนี้ สาเหตุเกิดจากบุคคลเหล่านี้ในวัยเด็กได้รับสื่อลามก ซึ่งในอเมริกามีประชากรประมาณ 3-6% เป็นโรคดังกล่าว

ดร.วัลลภกล่าว ว่า ความจริงแล้วโรคดังกล่าวจะปรากฏในผู้ชาย สามารถพบเห็นได้ชัดเจนในสถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีแถบรัชดาภิเษก หรือคลับเฮาส์หรู ให้ผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยมาล้อมหน้าล้อมหลัง บางคนถึงขั้นสำเร็จความใคร่ตรงนั้น แต่ช่วงหลังผู้หญิงไทย ทั้งที่เป็นวัยรุ่นและอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป เริ่มมีพฤติกรรมการเป็นโรคติดเซ็กซ์เพิ่มมากขึ้น

“ดูอย่างหน้าโรงแรม แห่งหนึ่งย่านถนนเพชรบุรี จะมีผู้หญิงมายืนขายตัวเต็มไปหมด หน้าตาก็ดูดีทั้งนั้น แต่คิดราคาเพียง 300 บาท เงินแค่นี้มันไม่พอสำหรับชีวิตเขา แต่ที่เขาได้คือความพอใจที่จะได้มีเพศสัมพันธ์ ลึกๆ คนเหล่านี้รู้ว่าทำผิด แต่มันหยุดไม่ได้ เหมือนคนติดบุหรี่หรือติดยา หากไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เขาจะมีอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ ไม่มีแรง เบื่อหน่าย ทำให้กลางคืนต้องออกไปเที่ยว หาคนมานอนด้วย คนอาจมองว่าผู้มีอาการเซ็กซ์ แอดดิคต์ เป็นพวกสำส่อน แต่นี่คือโรคที่พวกเขาไม่สามารถหยุดตัวเองได้”

นักจิตวิทยายังกล่าว อีกว่า วัยรุ่นหญิงที่ชอบเต้นรำในสถานบันเทิงด้วยท่าทางยั่วยวน โชว์สะดือ หน้าอก ขาอ่อน มีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคดังกล่าว โดยเฉพาะสาวโคโยตี้ตามคลับ บาร์ ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ นอกจากเขาจะได้รับความพึงพอใจจากการถูกมองแล้ว ยังถือว่ามีผลพลอยได้คือ ตัวเงินอีกด้วย

“บางคนไปเที่ยวกลางคืนแล้วแกล้งเมาเพื่อให้ผู้ชายมา ส่ง แล้วฉวยโอกาสมีความสัมพันธ์ด้วย ผมเองเปิดคลินิกรับปรึกษาปัญหาพร้อมบำบัด ยังเคยถูกคนไข้ผู้หญิงอายุ 30 ปี โกหก มาขอมีเพศสัมพันธ์ด้วยต่อหน้าสามี เพราะสามีบังคับ แต่เขาโกหก ความจริงเขาอยากมีเอง แต่ด้วยความรู้สึกผิดจึงพยายามหาผู้ชายที่มีความรู้ดี ได้รับความนับถือจากสังคมมามีเพศสัมพันธ์ด้วย เพราะอย่างน้อยเขาก็ถือว่าได้เลือกแล้ว ไม่ใช่มั่วหรือสำส่อน ผู้ชายที่มีต้นทุนทางสังคมดีจะถูกผู้ป่วยเซ็กซ์แอดดิคต์ มาขอนอนด้วยบ่อยมาก ซ้ำบางคนมีอารมณ์ทางเพศรุนแรงสามารถร่วมได้ 5 คนต่อคืน หรือถึงแต่งงานแล้วก็ยังอดมีชู้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้” นักจิตวิทยาวัยรุ่นกล่าว

ดร. วัลลภกล่าวเสริมด้วยว่า จากเดิมผู้ป่วยหญิงที่ทำทีเข้ามาปรึกษาแล้วขอมีเพศสัมพันธ์มักเป็นหญิงวัย 30 ปีขึ้นไป แต่ล่าสุดมีหญิงวัยรุ่นอายุเพียง 16-17 ปี ก็มาทำทีขอคำปรึกษาแล้วขอมีเพศสัมพันธ์เช่นกัน ถือเป็นเรื่องน่ากลัวมากสำหรับสังคมไทย หรือกรณีศีลปินจากประเทศไต้หวัน วง “เอฟโฟร์” มาเปิดการแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทย แล้วมีแฟนคลับบางคนขอพักในห้องนอนของศิลปินคนโปรดต่อเพื่อดมกลิ่นก็ถือเป็น อาการของผู้ป่วยติดเซ็กซ์อย่างหนึ่ง เพราะตามหลักวิชาการ การคลั่งไคล้ชื่นชอบนั้น สายตาที่รับภาพลักษณ์มีส่วนมากถึง 76% เสียง 13% สัมผัส 6% รส 3% และกลิ่น 2% หากใครหลงใหลลึกไปถึงการรับรสและกลิ่นก็ถือว่าเริ่มมีความผิดปกติ คล้ายพวกเพศที่สามที่ชอบดมถุงมือ หรือผู้ชายที่ชอบดมชั้นในใช้แล้ว ซึ่งมีกลิ่นของผู้หญิง

ด้าน น.พ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สาเหตุที่เด็กผู้หญิงเข้าสู่กระบวนการขายตัวนั้นมาจากหลายสาเหตุ เช่น ความต้องการเงิน ทั้งส่วนที่ต้องการนำไปใช้ในสิ่งจำเป็น และบางส่วนนำไปใช้เพื่อซื้อของฟุ่มเฟือย และการที่คนมีเพศสัมพันธ์ส่วนหนึ่งมาจากค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป ในส่วนของการรักนวลสงวนตัว และค่านิยมปัจเจก ที่คิดว่าร่างกายเป็นของตัวเอง เมื่อไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็สามารถที่จะใช้หาความสุขได้ หรือหารายได้จากร่างกายได้ โดยไม่รู้สึกผิด

” การที่ระบุว่าขายตัวเพราะความต้องการทางเพศคงไม่ใช่สาเหตุสำคัญ เพราะการที่เด็กจะตัดสินใจมาขายตัวนั้นมาจากหลายประเด็นมาประกอบกัน โดยพฤติกรรมของคนจะเป็นตัวผลักดัน และพฤติกรรมก็มาจากจิตใจและสิ่งแวดล้อม อย่ามองว่าเด็กวัยรุ่นทุกคนจะเป็นเหมือนกันหมด เพราะจากการวิจัยมีวัยรุ่นกว่า 50% ที่ยังยึดมั่นในค่านิยมการรักนวลสงวนตัว”

น.พ.ประเวชกล่าวว่า ในส่วนของการป้องกันเด็กเข้าสู่กระบวนการขายตัวนั้น ครอบครัว ครู ต้องสังเกตพฤติกรรมเด็กว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ ซึ่งจากการวิจัยพบว่าเด็กวัยรุ่นที่สูบบุหรี่ มีโอกาสที่จะเสียตัวมากขึ้น และเด็กที่เสพสื่อลามก หรือให้เวลากับสื่อลามกยิ่งมาก ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเสียตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ขบวนการค้าประเวณีที่มีแม่เล้าเด็กคอยชักชวนเพื่อนไปขายตัวก็มี ส่วนสำคัญอย่างมากกับการตัดสินใจของเด็ก ซึ่งเมื่อพบว่าเด็กมีพฤติกรรมเสี่ยงสูงก็ต้องให้ความช่วยเหลือโดยเร็วก่อน ที่เด็กจะตกเป็นเหยื่อ

ด้านนางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ได้เรียกผู้บริหารที่เกี่ยวข้องมาปรึกษา เพื่อหาคำที่เหมาะสมแทนคำว่าพลอดรัก ในการใช้เรียกพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่น ทั้งนี้ เนื้อหาจะระบุว่านักเรียนอายุเท่าไหร่ไม่ควรเล่นเซ็กซ์ในที่สาธารณะ คาดว่าเมื่อได้ข้อสรุปที่ลงตัว นายอดิศัยก็จะประกาศใช้ทันที โดยหวังว่าจะช่วยลดจำนวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ได้

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) มีอำนาจกำชับให้อาจารย์ฝ่ายปกครองดูแลเด็กได้เฉพาะช่วงที่อยู่ในสถานศึกษา เท่านั้น หากนักเรียนไปก่อเหตุนอกโรงเรียน ก็ไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปควบคุม ส่วนที่ให้นำหลักสูตรเพศศึกษาหรือครอบครัวศึกษามาใช้สอนนักเรียนตั้งแต่ ระดับประถมศึกษานั้น หลักสูตรเหล่านี้มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะการสอนให้นักเรียนรู้จักรักนวลสงวนตัว
ที่มา กระทู้จากเน็ต

Leave a Reply