เด็กไทยมีเซ็กส์ป6

เด็กไทยมีเซ็กส์ป6
เด็กไทยมีเซ็กส์ป.6 เหตุเมา-อยากลอง
โจ๋ไทยเปิดใจกลางงานสัมมนา “เด็กไทยทำไมใจแตก”
ยอมรับมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกแค่ ป.6
เผยส่วนใหญ่มีกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เพราะอยากลอง
แถมชอบนำมาเล่าสู่กันฟังกับเพื่อน จนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าไม่เคยถือว่าเชย จนถูกกันออกนอกกลุ่ม ขณะที่
บุหรี่-เหล้า ริลองตั้งแต่ประถม มั่วสุมเลยเถิดจนมีเซ็กส์
ชี้ปัญหาเด็กไทยใจแตก เพราะแพ้ความอยากรู้อยากลองของตัวเอง

สถาบันราชภัฏสวนดุสิต จัดสัมมนาเรื่อง ” เด็กไทยทำไมใจแตก”
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. โดยนำเด็กจำนวน 43 คน วัยต่างๆ กัน
ที่เคยมีปัญหาติดยาเสพติด หนีเรียน
หรือมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน มาเปิดเผยประสบการณ์ตรง
ดำเนินการเสวนาโดย ผศ.สุขุม เฉลยทรัพย์
ปรากฏว่าเด็กส่วนใหญ่ใจแตก เพราะยาเสพติดมากสุด
รองลงมาเป็นปัญหาเซ็กส์ในวัยเรียนที่กลุ่มเด็กเริ่มมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา

“เอก” (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ปัจจุบันสมัครเป็นทหาร
หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3
จากโรงเรียนแห่งหนึ่งในกทม.
เปิดเผยว่ามีเซ็กส์ครั้งแรกกับเพื่อนนักเรียนหญิงตั้งแต่อยู่ชั้นประถมปีที่
6 เป็นเหตุการณ์เมื่อไปเที่ยวน้ำตกด้วยกัน
แล้วเลยเถิดไปถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์กัน

“ช่วง ม.2-ม.3 ก็มีอีก เพื่อนๆ
ชวนไปกินเหล้ากันและพาเพื่อนผู้หญิงไปด้วย พอเคลิ้มๆ
ก็แยกกันไปมีอะไรเป็นคู่ๆ จำได้ว่า
ครั้งนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 5 คู่” เอก กล่าว

“น้อย” สาวประเภทสองรายหนึ่ง ให้ข้อมูลคล้ายๆ กันว่า
ช่วงที่เรียนอยู่ชั้น ม.2 เขาและเพื่อนๆ
ผู้หญิงในกลุ่มชอบโดดเรียนไปอยู่ตามหอพักของผู้ชาย
จากนั้นก็จะเสพยา พอเมายาได้ที่ก็จับคู่ มั่วเซ็กส์กัน
แยกไปมีอะไรกันตามมุมต่างๆ เช่น หน้าห้องน้ำ หรือบนดาดฟ้า

นักเรียนหญิงชั้น ม.1 คนหนึ่ง ที่มาพร้อมเพื่อนร่วม
ร.ร.ทั้งหมด 5 คน ยอมรับว่า 3 ใน 5
คนที่มาร่วมสัมมนาวันนี้
เคยเสียตัวให้ผู้ชายมาแล้วตั้งแต่อยู่ชั้นประถมฯ
รวมทั้งเธอเองก็เสียตัวให้ผู้ชายครั้งแรกเมื่ออยู่ชั้น ป.6

“ไม่ได้เมาเหล้า
แต่ยอมเสียตัวให้เขาด้วยความเต็มใจเพราะคิดว่าเขารักเรา
และใจตัวเองก็อยากลอง อยากรู้เรื่องนี้ด้วย
ตอนหลังถึงมารู้ว่า เขาไม่ได้รักเราเลย
แต่ทำไปเพราะความใคร่ ตอนนี้ก็ไม่ได้คบกันแล้ว”
นักเรียนหญิงรายเดิม กล่าวด้วยว่า
เพื่อนชอบชวนเที่ยวเถลไถลหลังเลิกเรียนทุกวัน
ตัวเธอเคยดื่มเหล้าครั้งแรกกับเพื่อนๆ ในกลุ่มทั้งหมด 4 คน
เมื่ออยู่ ป.6 และเคยลองสูบบุหรี่ตามคำชักชวนของเพื่อนเมื่ออยู่ชั้น ป.4
แต่แม่จับได้เลยไม่ได้สูบต่อ

น.ส.บุศยา นักเรียนชั้น ม.6 ร.ร.มัธยมแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนฯ
กล่าวว่า เด็กส่วนใหญ่มองการมีเซ็กส์ในวัยเรียนเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะรู้สึกว่า เป็นเรื่องที่ยอมรับได้
ตรงกันข้ามบางกลุ่มกลับมองว่า
ถ้าใครไม่เคยผ่านเรื่องนี้มาก่อน ถือว่าเชย
และจะไม่ยอมรับเข้ากลุ่ม

“บางกลุ่มจะเอาเรื่องนี้มาเล่ากันที่โรงเรียน
ถ้าใครไม่มีอะไรมาเล่าถือว่าเชย เป็นอย่างนี้กันเยอะมาก
ถ้าเดินไปในโรงเรียนจะได้ยินนักเรียนประมาณ 80%
ของนักเรียนทั้งหมด เอาเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง
กลายเป็นเรื่องสนุกไป”

นักศึกษาหญิงระดับ ปวส. คนหนึ่ง ให้ข้อมูลคล้ายๆ กันว่า
ปัญหาเรื่องยาเสพติดของเด็กในขณะนี้ลดลงมาก
แต่ปัญหาเซ็กส์ในวัยเรียนยังมีอยู่มาก
ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อที่ผิดๆ ของเด็กด้วย
เวลามีอะไรกันกับแฟนก็นิยมเอามาเล่าอวดกัน
บางครั้งเล่าลึกไปถึงว่า ทำอะไรกันท่าไหนก็มี

“ตัวเองก็เคยเสียตัวเมื่ออยู่ ปวช.2
เพราะทนการรบเร้าของแฟนไม่ได้
แต่ก็ไม่เคยเอามาเล่าให้ใครฟัง
เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่กลับได้ยินเพื่อนๆ
เอาเรื่องนี้มาคุยกันบ่อยครั้งแทบทุกวัน ตอนแรกก็ตกใจว่า
ทำไมจึงกล้าเอามาเล่ากัน แต่ตอนหลังได้ฟังจนชินไปเอง”

เธอ เล่าต่อว่า ช่วงเรียนชั้น ปวช. เคยติดยาบ้า ยาอี
และผงขาวอย่างหนัก
เริ่มจากเพื่อนมาค้างที่ห้องแล้วนำยาบ้าขึ้นมาเสพกัน
จึงรู้สึกอยากลอง แล้วเริ่มเสพบ้างจนติด
ช่วงนั้นร่างกายเริ่มไม่ไหว
เรียนไม่รู้เรื่องเพราะกลางคืนไม่ได้นอนเนื่องจากเสพยาตลอด
ในที่สุดจึงตัดสินใจเลิก

ขณะที่ “บี้” อายุ 19 ปี
เล่าประสบการณ์ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดว่า
เส้นทางยาเสพติดเริ่มตั้งแต่อยู่ ป.3
โดยเริ่มสูบบุหรี่ตามการชักชวนของเพื่อนเมื่อไปเที่ยวกลางคืนด้วยกัน
หลังจากสูบไปได้สักระยะก็เลิก
จากนั้นมาเริ่มสูบบุหรี่อีกครั้งเมื่ออยู่ชั้นมัธยมศึกษา

“ช่วงนี้เองเริ่มติดยาบ้าด้วย
เพราะเพื่อนในกลุ่มสูบกันเยอะ
หาซื้อก็ง่ายฝากเพื่อนซื้อเม็ดละ 80 บาท
สูบไปสักพักร่างกายเริ่มไม่ไหว เลยตัดสินใจเลิก
และพอดีมาสมัครเป็นทหารด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นผมไม่โทษใคร
ผมโทษตัวเอง มีคนเตือนแล้วก็ไม่เชื่อ
อยากลองจึงทำให้ต้องติดยา” บี้ กล่าว

ขณะที่ “เดชา” อายุ 19 ปี ยอมรับเช่นกันว่า
ติดยาเสพติดตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.2
ถูกเพื่อนชักชวนและยั่วยุ จนต้องลองเสพ สุดท้ายก็ติด
มาเลิกได้เพราะสงสารแม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
เด็กที่มาเข้าร่วมสัมมนาส่วนใหญ่ยอมรับว่า
สาเหตุที่เลิกยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้าได้
เป็นเพราะรัฐบาลเอาจริงทำให้หาซื้อยาได้ยากขึ้น
แต่เด็กส่วนใหญ่ถึง 34 คน
ก็โหวตให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข
อันดับ 2 ปัญหาเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน 6 คน
และปัญหาทะเลาะวิวาท 2 คน

ทั้งนี้เด็กยอมรับว่า
ที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหายาเสพติดหรือเซ็กส์ 83.72%
บอกว่า เกิดจากความอยากรู้ อยากลองของตัววัยรุ่นเอง, 9.30%
บอกว่า เพื่อน, 4.65% บอกว่า สิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อม และ
2.38% บอกว่า ครอบครัว

ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาวัยรุ่นใจแตก ที่ควรเร่งแก้ไข
48.78% บอกว่า การเลี้ยงดู การอบรมของพ่อแม่ 26.83% บอกว่า
สื่อทุกประเภทควรกวดขันกันมากกว่านี้, 19.51% บอกว่า
รัฐบาลควรที่จะต้องดูแลสภาพสังคมให้ดีกว่านี้ และ 4.88%
บอกว่า การอบรมสั่งสอนของครู อาจารย์

บุคคลที่วัยรุ่นจะเชื่อฟัง
และสามารถแก้ปัญหาวัยรุ่นใจแตกได้ 73.81% บอกว่า แม่,
9.53% บอกว่า เพื่อน 7.14% บอกว่า ครู อาจารย์, 7.14%
บอกว่า ญาติพี่น้อง และ 2.38% บอกว่า พ่อ
ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก