อ่านก่อน ซื้อบริการทางเพศ

อ่านก่อน ซื้อบริการทางเพศ
เตือนชายชอบซื้อบริการ
เตือนภัย ชายชอบซื้อบริการทางเพศ ต้องวิ่งหนีตำรวจขณะจับกุมหรือไม่
เมื่อปี 2539 ได้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการขายบริการทางเพศ แต่ก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมซ่อง หรือสถานค้าประเวณี จะเห็นว่า ไม่มีผลอะไรกับผู้ชายที่ไปเที่ยว ค่อย ๆ ใส่เสื้อผ้า เก็บทรัพย์สิน และเดินผิวปากจากไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ที่ จะวิ่งหนีกันจนซ่องแตก โดนสังกะสีบาด คือหญิงขายบริการ ตกคูตกน้ำ หลบซ่อนแอบตำรวจกัน และตำรวจก็เน้นจะจับแต่หญิงโสเภณี หรือเจ้าของซ่อง เท่านั้น นี่คือกฎหมายสมัยก่อน

การค้าประเวณี ถือ เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่ง ครับ ใครใคร่ซื้อ ซื้อ ใครใคร่ขาย ขาย ตามตำราตลกเฮฮาที่เคยร่ำเรียนมา เพราะมีทุกที่ ทุกแห่งหนในโลกใบนี้ของเรา บางประเทศก็ทำให้ถูกกฎหมาย บางประเทศทำไม่ได้ ก็ผิดกฎหมายไป

โลกหมุนกลับ
จน มีกฎหมายใหม่ เข้ามา ตามกระแสโลกาภิวัตน์ บัดนี้อะไรเปลี่ยนไป เมื่อ ตำรวจเข้าจับกุมซ่อง หรือสถานค้าประเวณี ฝ่ายหญิง ไม่ต้องวิ่งหนีอีกต่อไป ถูกจับโทษก็เล็กน้อย แค่ปรับ คนที่จะต้องวิ่งหนี คือชายที่ไปเที่ยว โดยเฉพาะหากหญิงที่ขายบริการให้อายุไม่เกิน 18 ปี (ท่านชายจำไว้ ทำอะไรต้องสอบถามเรื่องอายุทุกครั้งก่อนเสมอ ตัวสูงตัวใหญ่ อายุอาจแค่ 15 ปี มีมากมาย) และก่อนไปเที่ยว ท่านจะต้องออกกำลังกาย ซ้อมวิ่งไว้ เพื่อให้วิ่งเร็วกว่าตำรวจที่เข้ามาจับ เพราะตำรวจไม่ค่อยได้ซ้อมวิ่งกันเท่าไร

กฎหมายเน้น ดำเนินคดีเฉียบขาดกับ การขายบริการทางเพศ เน้นโสเภณีเด็ก และจับกุมแมงดา พ่อเล้า แม่เล้า เป็นธุระจัดหา เป็นสำคัญ และมีอัตราโทษสูง เฉียบขาด ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ พบเห็นตำรวจ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เสียอนาคต ติดคุก เพราะเด็กมามากต่อมากแล้ว

ใน การจับกุมของตำรวจ ก็ต้องมีการวางแผน ขั้นตอน หากสืบทราบมาได้ว่าที่ไหนมีการลักลอบขายบริการทางเพศ จะต้องมีการจดเบอร์ แบ๊งค์ เหมือนนำเงินไปล่อซื้อยาเสพติดนั่นแหละ หากการล่อซื้อบริการทางเพศ ทำพอเหมาะพอดี ก็ไม่เป็นไร? ไม่เกิดปัญหา เคยมีบางยุคบางสมัย ล่อซื้อแบบจริงจัง คือ มีการชักชวนเสนอขาย ตกลง มองเงิน ร่วมหลับนอนกันเลย ให้เป็นความผิดสำเร็จ ถึงจะแสดงตัวจับกุม อย่างนี้เรียกว่ามากไป ไม่สมควร ทำเหมือนกับล่อซื้อยาบ้าทำนองนั้น

เรื่อง ของคนสองคน ที่ตกลงจะมีอะไรกันในที่ลับนั้น ก็รู้กันแค่สองคน นวดกันไปนวดกันมา ก็เกิดอาการ เกิดอารมณ์ ชวนกันไปชวนกันมาก็ตอบตกลงกัน เพราะตบมือข้างเดียวไม่ดังแน่นอน ไม่หญิงชวน ก็ชายชวน จึงมักพบเห็นเสมอว่า เมื่อไปเที่ยวสถานบริการ ก่อนลงจากรถ คนเที่ยวจะสอบถามเด็กรับรถ ว่า มีเด็กเยอะไหม? สวยไหม? ที่สำคัญ ออฟ ได้หรือไม่? หากได้ก็จะเข้าไปเที่ยว นี่คือสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน

ประเภทที่ เป็นซ่อง หรือสถานค้าประเวณีจริง ๆ แบบดั้งเดิมสูตรโบราณ มีน้อยครับ ประเภทบริการกระโถน 1 ใบ น้ำใส่ขวดเบียร์ 1 ขวด ส่วนใหญ่อยู่ตามต่างจังหวัด เรียกว่าบ้านเด็กบ้าง หลังวิกบ้าง บขส.ฯบ้าง ส่วนในที่เจริญแล้ว มักจะปรับสภาพไปอยู่ตามโรงแรม ทาวเฮ้าส์ ร้านโอเกะ นวดโบราณ เป็นต้น

ที่ผมอ่านข่าวเจอ ก็อยากเตือนท่านชายทั้งหลาย ในเรื่องอายุของเด็กเท่านั้น เรื่องนี้มีกฎหมายหลายฉบับออกมาคุ้มครองเด็กสตรี โทษหนัก ยอมความไม่ได้ ติดคุกสถานเดียว เพราะอารมณ์พาไป

อ่านก่อน ซื้อบริการทางเพศ
ที่มา http://www.oknation.net/blog/chaibadan/2010/01/21/entry-1/comment

การค้าประเวณี จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การค้าประเวณี คือการขายบริการทางเพศ รวมทั้งการร่วมเพศหรือการทำออรัลเซ็กส์เพื่อแลกกับเงิน ผู้ที่ขายบริการทางเพศเรียกว่า “โสเภณี” หรืออาจมีชื่อเรียกแตกต่างไป ชื่อเรียกสำหรับผู้ขายบริการเพศหญิงมีตั้งแต่ กระหรี่ ไก่ อีตัว คุณตัว สาวเอสคอร์ท นางทางโทรศัพท์ หมอนวด หรือ สาวไซด์ไลน์ และสำหรับผู้ชาย มีเรียกกันว่า แท็กซี่บอย ขายน้ำ หรือ จิโกโล ถ้าเป็นชายที่ขายตัวให้กับชาวต่างชาติตามชายหาด จะเรียกว่า Beach Boy

การค้าประเวณีรวมถึงการขายบริการทางเพศทั้งชายและหญิง และรวมถึงการขายบริการแก่เพศเดียวกัน ในศาสนาและวัฒนธรรมส่วนมาก การขายบริการทางเพศถือว่าเป็นบาป และผู้ที่ขายบริการจะถูกดูหมิ่น

บุคคลที่จัดการควบคุมและติดต่อประสานงาน ถ้าเป็นผู้ชายมักเรียกว่า แมงดา และถ้าเป็นผู้หญิงมักเรียกว่า มาม่าซัง หรือ แม่เล้า

ประวัติ
การค้าประเวณีมักจะถูกเรียกว่า เป็นอาชีพหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เชื่อว่าการค้าประเวณีเกิดขึ้นหลังจากระบบการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือเงิน กำเนิดขึ้น ที่มาหนึ่งของการกำเนิดโสเภณีเชื่อว่าเกิดจากเหตุผลทางความเชื่อของชาวสุเมเรียนและชาวบาบิโลน โดยให้ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น (นอกจากคู่สมรส) เพื่อเหตุผลทางศาสนา รวมไปถึงการมีเพศสัมพันธ์กับชาวต่างแดน เพื่อแสดงถึงการมีจิตใจโอบอ้อมต้อนรับผู้มาเยือน แสดงถึงคุณค่าของการเป็นเจ้าเมือง

การค้าประเวณีในประเทศไทย
ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 โดยไม่ได้ถูกนำเข้ามาจากชาติตะวันตกตามเรื่องเล่ากัน การค้าประเวณีในไทยเริ่มเป็นที่แพร่หลายกับชาวตะวันตก ในช่วงที่มีการติดต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับชาวตะวันตก มีหลักฐานเป็นศัพท์ในสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เรียกว่า รับจ้างทำชำเราแก่บุรุษ ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ ใน ประมวลกฎหมายตรา 3 ดวง – บทพระไอยการลักษณะผัวเมีย มีการบัญญัติผู้ค้าประเวณีว่า หญิงนครโสเภณี และสมัยสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีสถานประกอบการเรียกว่า โรงหญิงนครโสเภณี โดยทั่วไปมีโคมสีเขียวตั้งข้างหน้า จึงเรียกกันว่า สำนักโคมเขียว ทั้งนี้ก่อนปี พ.ศ. 2499 การค้าประเวณีไม่ถือว่า ผิดกฎหมาย แต่เริ่ม พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 กำหนดว่าการค้าประเวณีเป็นความผิดอย่างชัดเจน แต่ในสังคมยุคใหม่เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในช่วงสงครามเวียดนาม โดยในช่วงนั้นการค้าประเวณีจะเป็นการลักลอบค้าประเวณี และปัจจุบันธุรกิจค้าประเวณีในประเทศไทยเป็นธุรกิจแอบแฝง

ชนิดของการค้าประเวณี
รูปภาพตามตู้โทรศัพท์ที่เป็นการโฆษณาการขายบริการทางเพศ ในภาพเป็นตู้โทรศัพท์จากอังกฤษ

โสเภณีในปัจจุบันมีรูปแบบการติดต่องานดังนี้
* ยืนรอข้างถนน โดยการยืนรอคอยลูกค้าบริเวณหัวริมถนน และขายบริการทางเพศต่อในบริเวณโรงแรม หรือโรงแรมม่านรูด ในกรุงเทพ มีมากบริเวณ รอบสวนลุมพินี รอบสนามหลวง รอบวงเวียน 22 กรกฎาคม รอบถนนผดุงด้าว (ซอยเท็กซัส)
* อาบอบนวด หรือ ซ่อง เป็นสถานบริการทางเพศโดยตรง โดยผู้ขายบริการจะนั่งรอภายในสถานบริการและรอลูกค้าเข้ามาเลือก โดยในสถานบริการจะมีบริการจัดห้องไว้รับรอง ในต่างจังหวัดบางที่ผู้ให้บริการ จะยืนรวมตัวรอบกองไฟ และมีห้องบริการไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการเข้ามาใช้บริการ ในประเทศไทยราคาการให้บริการมีตั้งแต่ 50 บาท จนถึงหลายหมื่นบาท สถานบริการอาบอบนวดมีกระจายในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่น ในกรุงเทพมีมากบริเวณถนนพระราม 9 ถนนเพชรบุรี
* สถานบันเทิง คาเฟ่ ร้านคาราโอเกะ สปา หรือร้านตัดผม บางแห่ง มีการบริการพิเศษแอบแฝงเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า
* หอพักของผู้ขายบริการ ในหลายประเทศการขายบริการประเภทนี้เป็นประเภทเดียวไม่ผิดกฎหมาย โดยเป็นที่นิยมใน ประเทศเยอรมนี เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์ และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยทางผู้ขายบริการจะประกาศโฆษณาตามใบปลิว หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ
* การโทรเรียก โดยลูกค้าติดต่อทางนายหน้า (หรือแมงดา หรือมาม่าซัง) เพื่อเรียกมาใช้บริการทางที่พักของลูกค้า หรือทางโรงแรมที่เตรียมไว้ ราคาการให้บริการจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานที่และชนิด โดยปกติ ผู้ชายที่ให้บริการ จะได้รายได้น้อยกว่าผู้หญิงที่ให้บริการ. ใน วอชิงตัน ดี.ซี. อ้างอิงจากเอเยนซี ท็อปซ์ (TOPPS) ค่าบริการ ประมาณ 6,000 บาท ($150) และ 10,000 บาท ($250) ต่อชั่วโมงสำหรับหนุ่มบริการ และสาวบริการตามลำดับ โดยทางเอเยนซี่จะได้เงิน ประมาณ 2,000 บาท ต่อชั่วโมง ได้รับจากผู้ให้บริการ
* ในเมืองมอสโก ประเทศรัสเซีย มีการขายบริการเรียกว่า ตลาดสาว โดยมีผู้หญิงยืนเรียงอยู่ข้างทาง และให้รถขับเข้าไปใน ท็อคกา (ที่จอดรถ) โดยให้ผู้ขับรถเลือกผู้หญิงที่ต้องการแล้วพาไปด้วยกัน

สำหรับการแสดงภาพยนตร์ลามกนั้น ถึงแม้ว่าผู้แสดงจะมีรายได้จากกิจกรรมทางเพศ และเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจในบางวัฒนธรรม เช่นเดียวกับการค้าประเวณี แต่หากไม่ได้มีการขายบริการทางเพศให้กับบุคคลทั่วไป หรือไม่ได้ขายสิทธิในการร่วมแสดงหนังให้กับบุคคลอื่นใด ก็อาจไม่ถูกถือว่าเป็นการค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม ในหนังโป๊บางเรื่องอาจมีการใช้บุคคลที่เป็นโสเภณี หรือบุคคลซึ่งเคยเป็นโสเภณี มาเป็นผู้แสดง
กฎหมาย

ในหลายประเทศ การขายและการซื้อบริการทางเพศถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่กิจการอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องถือว่าถูกกฎหมาย รวมทั้งการเรียกเก็บเงินจากผู้ให้บริการ การทำงานในสถานบริการทางเพศ ในประเทศมุสลิมบางประเทศ มีการลงโทษประหารชีวิตสำหรับผู้ให้บริการทางเพศ

ในประเทศเนเธอร์แลนด์ การค้าประเวณี หรือการเป็นเจ้าของสถานขายบริการถือเป็นอาชีพที่ต้องเสียภาษี โดยมีกฎหมายให้ผู้ขายบริการต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปี กฎหมายในเรื่องของโสเภณีในเยอรมนี นิวซีแลนด์ และ สวิตเซอร์แลนด์ มีลักษณะใกล้เคียงกับเนเธอร์แลนด์ ในสหรัฐอเมริกา มี 48 รัฐที่การขายบริการทางเพศถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายโดยถือเป็นคดีแพ่ง ยกเว้นรัฐเนวาดา (ที่ตั้งของเมืองลาสเวกัส) และรัฐโรดไอส์แลนด์ ที่การขายบริการไม่ผิดกฎหมาย แต่การขายตามริมถนน หรือการเปิดสถานบริการถือว่าผิดกฎหมาย

ในประเทศไทย การค้าประเวณีเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่ยอมให้ในสังคมไทยบางส่วน เช่นเดียวกับหลายประเทศในทวีปเอเชีย การเปิดสถานบริการอาบอบนวดใน ประเทศไทย ถูกจัดให้อยู่ในส่วนของสถานบริการทั่วไป ซึ่งไม่ผิดกฎหมาย โดยการขายบริการทางเพศของผู้ให้บริการถือเป็นการตกลงกันเองระหว่างผู้ขายและ ผู้ซื้อ ถือเป็นความเข้าใจกันว่าไม่เกี่ยวข้องกับทางสถานบริการ โดยประมาณว่ามีผู้ขายบริการทางเพศในประเทศไทยมีประมาณ 130,000 คนในประเทศไทยรวมทั้งเพศชายและเพศหญิง

กฎหมายการซื้อและการขายบริการทางเพศมีการแตกต่างกันในหลายประเทศ เช่น ในประเทศสวีเดน การขายบริการทางเพศไม่ผิดกฎหมาย ในขณะที่การซื้อบริการทางเพศถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายสวีเดน (Brottsbalken “Criminal Code” 1962:700, 6 kap, 11 ) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้ซื้อบริการและผู้จัดการจะถือว่าผิดกฎหมาย ถ้าผู้ขายบริการอายุระหว่าง 16-18 ปี และถ้าผู้ขายอายุต่ำกว่า 16 ปีการขายบริการจะผิดกฎหมาย
การท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวเพื่อการหาซื้อบริการทางเพศ หรือที่นิยมเรียกว่า “เซ็กส์ทัวร์” (อังกฤษ: sex tourism) เป็นที่นิยมในหลายประเทศที่มีการห้ามการซื้อบริการทางเพศ หรือการมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก ประเทศที่เป็นจุดท่องเที่ยวส่วนมากเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศเม็กซิโก ประเทศจีน ประเทศลาว ประเทศคิวบา และ ประเทศบราซิล โดยประเทศต่างๆ ได้ตระหนักถึงปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้น และพยายามที่จะลดปัญหา และลดการบริการที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยวทางเพศ

ปัจจุบัน ประเทศตะวันตกได้พยายามออกกฎหมายสำหรับบุคคลในประเทศที่ไปซื้อบริการทางเพศ จากประเทศอื่น โดยพยายามตั้งกฎหมายและบทลงโทษ แต่อย่างไรก็ตามกฎหมายเหล่านี้มักไม่สามารถลงโทษได้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เนื่องจากการค้าประเวณีมีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กระจายมากขึ้น ทางรัฐบาลของแต่ละประเทศแก้ปัญหาต่างๆ ได้แก่

* ออกกฎหมายห้ามการค้าประเวณี
* ให้การศึกษาแก่ผู้ขายบริการ
* แนะนำอุปกรณ์ในการป้องกันโรคติดต่อต่างๆ

Leave a Reply