เด็กไทยใจแตกเร็ว11ปีก็มีเซ็กซ์

เด็กไทยใจแตกเร็ว11ปีก็มีเซ็กซ์
เรื่อง ตะลึง!!! เด็กไทยใจแตกเร็ว 11 ปี ก็มีเซ็กซ์
โดย ผู้จัดการออนไลน์

สธ. เผยผลวิจัยพฤติกรรมเด็กไทยที่น่าวิตก
ในปีนี้พบใจแตกเร็วขึ้นโดยเฉพาะเด็ก กทม. อายุ 11-12 ปี ก็มีเซ็กส์แล้ว กว่า 70%
ปลุกอารมณ์เซ็กส์มาจากการ์ตูน วิซีดีโป๊ อินเตอร์เน็ต กว่า 90%
ไม่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันเอดส์ ด้าน สว.กทม. “มีชัย
วีระไวทยะ” เผยอัตราติดเอดส์พุ่งกระฉูด
พบผู้ติดเชื้อเอดส์กลุ่มวัยรุ่นพุ่งร้อยละ 30
ทั้งที่ 11 ปีที่ผ่านมา สถิติติดเชื้อลดลงตลอด
มีคนไทยเสียชีวิตจากเอดส์ 4
เท่าของผู้เสียชีวิตในสงคราม

วันนี้ (23 พฤศจิกายน 2548) เวลา 13.00 น.
ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์
รักษาราชการปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธวัช
สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์สมชัย
ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค
นายแพทย์ชาญชัย คุ้มพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย
กทม. และคณะ แถลงข่าวการรณรงค์วันรวมใจต้านภัยเอดส์
ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปีว่า
ในปีนี้องค์การอนามัยโลกได้กำหนดคำขวัญไว้ว่า
“เอดส์หยุดได้ ร่วมใจรักษาสัญญา” (Stop AIDS. Keep the Promise)
เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการต่อต้านเอดส์
ให้คิดว่าการต่อต้านเอดส์เป็นภารกิจของทุกคน
ในการแถลงข่าวในวันนี้มี แทค-ภรัญญู, วงซินเดอเรลลา
และกลุ่มชายรักชายมาร่วมแถลงข่าวด้วย

นายแพทย์ปราชญ์กล่าวว่า
ขณะนี้สถานการณ์โรคเอดส์ทั่วโลกส่อแววรุนแรงขึ้น
เมื่อสิ้นปี 2548
มีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ทั่วโลก 40.3 ล้านราย
มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 4.9 ล้านคน
โดยเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่มีรายงานการพบผู้ป่วยโรคเอดส์ครั้งแรกเมื่อปี
2524 ในจำนวนนี้เป็นผู้ใหญ่ 3.1 ล้านรายเสียชีวิต
2.6 ล้านราย เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 640,000
รายเสียชีวิต 510,000 ราย โดยพบว่า 50%
ของผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ทั่วโลกเป็นเยาวชนอายุระหว่าง 15-24 ปี
และมีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่เพิ่มขึ้นวันละ 13,500 ราย

สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2527 ถึงปี
2548 คาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอดส์ไปแล้ว 1,100,000 ราย
เสียชีวิต 560,000 ราย และเป็นผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่
540,000 ราย เฉพาะในปี 2548
ปีเดียวมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,000 ราย
พบมากสุดในวัยทำงานอายุ 20-39 ปีจำนวน 77%
โดยติดเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์มากถึง 84%
ส่วนในกลุ่มชายรักชายใน กทม.มีอัตราติดเชื้อ 28%
และกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี
พบว่าเป็นกลุ่มน่าห่วงที่สุด
เนื่องจากมีพฤติกรรมเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
และมีการใช้ถุงยางอนามัยน้อย

นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อไปว่า
นับตั้งแต่ผู้นำประเทศทั่วโลกและผู้แทนระดับรัฐมนตรีเห็นเอดส์เป็นวิกฤตระดับโลก
(Global Crisis)
โดยได้ประกาศปฏิญญาว่าด้วยพันธะกรณีเรื่องโรคเอดส์
ตั้งแต่ปี 2544
ในการประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยโรคเอดส์
และส่งสัญญาณให้ทุกประเทศเร่งรัดสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเอดส์อย่างจริงจังโดยเฉพาะด้านการป้องกัน
ในปี 2548
มีแผนที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ในประเทศที่สังคมไม่ค่อยยอมรับ
ส่งเสริมพฤติกรรมความรับผิดชอบ
การใช้ถุงยางอนามัยทั้งชายและหญิง
ให้มีการถ่ายเลือดอย่างปลอดภัย
และให้มีอาสาสมัครที่ให้คำปรึกษาและตรวจเลือดอย่างมีความลับ
ตั้งเป้าภายในปี 2548
จะเผยแพร่ข้อมูลและบริการเกี่ยวกับการป้องกันเอดส์ครอบคลุมหนุ่มสาวอายุ
15-24 ปีทั่วโลกถึง 90% และเพิ่มเป็น 95% ภายในปี
2553

ด้านนายแพทย์ธวัชกล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทย
จากการสำรวจพฤติกรรมทางเพศเด็กในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
5 ทั่วประเทศ ในช่วงปี 2545-2547
พบว่าเด็กชายมีเพศสัมพันธ์กับแฟน, คนรักถึง 15%
โดยใช้ถุงยางเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 18% เป็น 25%
ตามลำดับ ส่วนในเด็กหญิงมีเพศสัมพันธ์ 5%
และใช้ถุงยางเพียง 15% ซึ่งถือว่าน้อยมาก
โดยเฉพาะจากการสำรวจกลุ่มเด็กในระดับ ม.1-6 จำนวน
3,000 คน ในเขต กทม. ในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2548
ข้อมูลยิ่งน่าตกใจ โดยพบว่า 7.3%
เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว และ 6%
เริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุเฉลี่ย 13-15 ปี
แหล่งปลุกอารมณ์เพศสำคัญ ได้แก่ หนังสือการ์ตูน 72%
รองลงมาคือ ดูวีซีดี วิดีโอเอ็กซ์ 64%
อินเตอร์เน็ตโป๊ 61%
เหตุที่ทำให้เด็กมีเพศสัมพันธ์กันเนื่องจากอยู่ลำพังสองต่อสอง
อยากลองอยากรู้ กลัวแฟนไม่รัก โดยมี 11%
ต้องการทำสถิติ
ที่น่าห่วงมากที่สุดพบว่ามีการใช้ถุงยางป้องกันเพียง
7% เท่านั้น นับว่าเป็นพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงมาก
เนื่องจากมีเพศสัมพันธ์ที่อายุน้อยลงและไม่มีความพร้อมในการป้องกัน

“ในการป้องกันปัญหาดังกล่าว ในปี 2549
กระทรวงสาธารณสุขจะจัดซื้อถุงยางอนามัยคุณภาพดีกว่า
24 ล้านชิ้นราคา 37 ล้านบาท
ส่งให้กลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทั่วประเทศใช้ฟรี
ได้แก่ ผู้ให้บริการทางเพศ
ผู้ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ แรงงานอพยพ/ชายแดน
เด็กและเยาวชน จำนวน 156,000 ราย
และเพื่อการเข้าถึงถุงยางอนามัยง่ายขึ้น
โดยติดตั้งตู้จำหน่ายถุงอนามัยแบบหยอดเหรียญทั่วประเทศ
ใน 75 จังหวัดจำนวน 4,575 เครื่อง ในราคาแพ็คละ 10
บาทมี 3 ชิ้น เฉลี่ยชิ้นละ 3.33 บาท
ซึ่งนับว่าราคาถูกมาก ตั้งเป้าหมายว่าเมื่อสิ้นปี
2549 นี้
จะเพิ่มการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มวัยรุ่นให้ได้มากกว่า
50% และลดอัตราการติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ไม่เกิน
0.95% อัตราการติดเชื้อในกลุ่มทหารเกณฑ์ไม่เกิน 0.45%”

นายแพทย์ชาญชัยกล่าวว่า
สำหรับการรณรงค์ในวันเอดส์โลกในปีนี้
กรมควบคุมโรคจะจัดกิจกรรมรณรงค์ตามโครงการออกแรงกาย
ได้แรงใจ เพื่อคนไทยห่างไกลเอดส์ ที่เมืองพัทยา
จ.ชลบุรี ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2548 ตั้งแต่เวลา
14.00 น.เป็นต้นไป โดยมีเยาวชน นักเรียน นักศึกษา
กลุ่มชายรักชาย ผู้ให้บริการทางเพศ
เครือข่ายผู้ติดเชื้อ เครือข่ายนักปั่นจักรยาน ดารา
นักร้อง นักแสดง กว่า 1,200
คนร่วมปั่นจักรยานเป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร
หลังจากนั้นมีพิธีกล่าวพันธะสัญญาแห่งความเสมอภาคในการปฏิบัติตนเอง
สร้างชุมชนให้เข้มแข็งปลอดภัยจากเอดส์
และประทับลายนิ้วมือลงบนเฟรมผ้าใบเพื่อเป็นหลักฐานในการทำพันธะสัญญา
การแสดงโชว์จากกลุ่มศิลปินอาร์เอส และมินิคอนเสิร์ต

ด้านนายมีชัย วีระไวทยะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)
กรุงเทพมหานคร และประธานสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน
กล่าวในเวทีการเสวนาเรื่อง “สมัชชาเอดส์ภาคประชาชน”
ในงานมหกรรมเอดส์ภาคประชาชน ซึ่งจัดที่ท้องสนามหลวง
โดยได้เรียกร้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเอดส์
ซึ่งจากประสบการณ์ของสมาคมที่ทำงานด้านเอดส์มา 15 ปี
พบว่า การทำงานป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
ไม่ควรปล่อยให้ภาคราชการเป็นผู้ดำเนินการตามลำพัง
แต่ประชาชนทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกระตุ้น
จึงได้มีแนวคิดในการจัดสมัชชาด้านเอดส์ขึ้นเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมทั้งในระดับชาติ
จังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน
เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอดส์
รวมถึงการป้องกัน

นายมีชัยกล่าวว่า
สถานการณ์เอดส์ของประเทศไทยในปัจจุบันยังอยู่ในภาวะที่น่าวิตก
ตนไม่คาดคิดว่า
ปัญหาเอดส์จะกลับมาระบาดอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
เพราะที่ผ่านมาในช่วง 11 ปี
ไทยสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ถึงร้อยละ 90
แต่จากการสำรวจในปี 2547
พบว่าขณะนี้ได้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ
30 และมีแนวโน้มการเพิ่มสูงมากขึ้น
โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มวัยรุ่น
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงให้เห็นว่า
การให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอดส์ได้หายไปจากสังคม
รวมถึงการกระตุ้นการป้องกันด้วยการแจกถุงยางอนามัยฟรี

“โครงการแจกถุงยางอนามัยฟรีได้หายไป
รวมถึงการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับเอดส์
ทำให้เยาวชนคิดว่า
ปัญหาเอดส์ได้หายไปจากประเทศไทยแล้ว
ทั้งที่ข้อเท็จจริงกลับเป็นในทิศทางตรงกันข้าม
ถือเป็นเรื่องที่น่าสลดที่รัฐปล่อยให้ประชาชนตายจากโรคนี้
ดังนั้น ควรทำอย่างไรให้ประชาชนหันมามีส่วนร่วมแก้ไข
เน้นที่การให้ความรู้
ซึ่งพ่อและแม่เองต้องมีบทบาทในการสอนเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยเอง
เพราะเราไม่สามารถพึ่งหน่วยงานราชการได้”
ประธานสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน กล่าวและว่า
สำหรับงานมหกรรมเอดส์ภาคประชาชนจะเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาเอดส์

นายมีชัยกล่าวต่อว่า
กรณีที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอ้างว่าขาดงบประมาณในการรณรงค์
รวมทั้งการแจกถุงยางอนามัยฟรีนั้น
ความจริงรัฐบาลมีเงิน มีงบประมาณ
แต่ขาดจิตใจที่จะให้ความสำคัญต่อปัญหานี้
ทั้งที่นายกรัฐมนตรีได้เคยให้สัญญาต่อประชาคมโลกในการประชุมเอดส์โลก
ทั้งนี้ รัฐบาลสามารถนำเงินไปใช้จ่ายในโครงการต่างๆ
ที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลได้
แต่กลับไม่มีเงินในการซื้อถุงยางอนามัย

“หากไม่ซื้อรถถัง 1 คัน
ก็จะมีเงินซื้อถุงยางอนามัยไม่รู้ว่ากี่สิบล้านชิ้น
ขอย้ำว่าขณะนี้โรคเอดส์ได้กลายเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของไทย
และมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าจำนวนทหารที่ตายไปในสงครามถึง
4 เท่า” นายมีชัยกล่าว

สำหรับงาน “มหกรรมเอดส์ภาคประชาชน”
มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในเวลา 15.00 น. วันนี้
(23 พ.ย.) โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี
พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นประธาน
ซึ่งภายในงานได้จัดกิจกรรมให้ความรู้กับประชาชน
และภาควิชาการมีการเสวนาทั้งภาคบ่ายและภาคเช้า
สำหรับวันที่ 24 พ.ย.
การเสวนาภาคเช้าที่ห้องประชุมท้องสนามหลวง
เริ่มในเวลา 09.00 น. จัดขึ้นพร้อมกันหลายเรื่อง
เช่น เรื่องศาสนากับเรื่องเพศ เยาวชนกับโลกอนาคต
วัฒนธรรมไทยกับเรื่องเพศ
วิถีชีวิตแม่เฒ่าล้านนากับการแก้ไขปัญหาเอดส์
และการสร้างเสริมความสามารถในการจัดการปัญหาเอดส์และการประเมินตนเอง
เพศศึกษานอกห้องเรียนเยาวชนเรียนรู้อะไร
เพศศึกษาในครอบครัวและเมื่อลูกศิษย์ท้อง
หรือทำให้ผู้หญิงท้อง ครู/โรงเรียนจะทำอย่างไร
นอกจากนี้ ที่อาคารอเนกประสงค์ ชั้น 4
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการประชุมวิชาการหลายเรื่อง
เช่น เอดส์ การเมืองเรื่องเพศในสังคมไทย
ข้ามให้พ้นเกย์กับเอดส์ เป็นต้น

Leave a Reply