นักศึกษาขายบริการ

ตีแผ่นักศึกษาขายบริการ – สาว ขาย บริการ ทาง เพศ
เปิดเบื้องลึกชีวิตจริงผู้หญิงขายตัว เปลือยชีวิตนักศึกษาขายบริการ “หนูทำไปเพราะความจำเป็น!”

เปลือยชีวิต…”นักศึกษาขายตัว”
… หลัง จากเปิดใจเรื่องเจ้าพ่อสวิงกิ้งไปแล้ว อาทิตย์นี้ ลัลลา ขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับนักศึกษาขายบริการ ซึ่งมีให้เห็นเยอะมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชน สำหรับนักศึกษาสาวคนนี้ ระหว่างลัลลาพูดคุยกับเขา เขาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวอยู่ในคุกของสน.คลองตัน ซึ่งลัลลาต้องขอร้องเขานานมาก กว่าเขาจะยอมมาเกาะลูกกรงเพื่อให้ลัลลาสัมภาษณ์ และถ่ายรูป น้องเขาให้ความร่วมมือดี นั้นอาจเป็นเพราะ เขากำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับที่ลัลลาจบมา เห็นมั้ยค่ะ ว่า มันเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า นักศึกษารุ่นน้องของลัลลาเอง หลายคนกำลังประกอบอาชีพนี้ เพื่อหาเงินไปเป็นค่าเล่ารียน ….มาเริ่มเรื่องเถอะค่ะ

นักศึกษาขายบริการ
นักศึกษาขายบริการ

เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 49 โดย พ.ต.อ.สุรัศมิ์ อุดมรัตน์ ผกก.กก.สด. นำกำลังเข้าจับกุม น้องหญิง วัย 23 ปี นักศึกษาสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง น้องพร (นามสมมติ) อายุ 16 ปี น้องเจน (นามสมมติ) อายุ 16 ปี น้องภา (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และ น้องเพ็ญ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ทั้งหมดถูกจับกุมได้ในโรงแรมแห่งหนึ่งริม ถ.พระราม 9

” น้องหญิง” โดนแจ้งข้อหาเป็นธุระจัดหาเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อการค้าประเวณี ส่วนน้องๆ อีก 4 คน ตำรวจนำส่งบ้านเกร็ดตระการ เพื่อดูแลและฝึกอาชีพให้

“น้องหญิง” ในฐานะผู้พาน้องๆ ทั้งหมดมารอให้บริการลูกค้า ย้อนเส้นทางชีวิตว่า พ่อแม่มีอาชีพขายเลือดหมู แต่พ่อติดการพนันอย่างหนัก ทำให้ครอบครัวไม่ค่อยมีความสุขเท่าที่ควร แม้เธอจะโตเป็นสาว พ่อก็ยังไม่ทิ้งลาย พอเธอเรียนอยู่ปี 2 ย่าได้โอนที่ดินให้ พ่อก็เอาไปขายได้เงินมาหลายแสน ช่วงแรกยังต่อเติมบ้าน ซื้อรถ ตามปกติ แต่ตอนหลังก็เล่นพนันจนหมดตัว

จาก นั้นบ้านและรถก็โดนยึดหมด จนต้องย้ายมาอยู่บ้านน้า ส่วนแม่ก็ยังไม่ยอมทิ้งพ่อ แต่เลือกที่จะทิ้งเธอและน้องชายอีก 2 คน…อย่างไม่ไยดี!?

น้อง หญิง เล่าว่า ตอนนั้นเธอและน้องชายอีก 2 คน ลำบากมาก ก่อนหน้านี้เคยได้เงินใช้สัปดาห์ละ 500 บาท ไม่รวมค่ารถไปกลับ แต่พอไม่มีเงินจึงต้องดิ้นรนช่วยเหลือตนเองมาโดยตลอด กระทั่งมาเจอกับแฟนของน้องชาย อายุแค่ 14 ปี ซึ่งเคยทำอาชีพนี้มาก่อน จึงแนะนำให้ลองทำ

“พอแฟนน้องชวน หนูก็สนใจเพราะเห็นว่าไม่เสียหายอะไร ก่อนหน้านี้เคยเสียตัวให้แฟนตั้งแต่ ม.4 เลยคิดว่าต้องทำเพราะความจำเป็นบังคับ แถมทำงานตรงนี้ยังได้เงินเยอะ และไม่เหนื่อยอะไรมาก อยากได้เงินวันไหนก็ทำงาน ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่ต้องทำ”

น้อง หญิง อธิบายรูปแบบการทำงานว่า “ส่วนมากหนูจะรับแขก สัปดาห์ละไม่เกิน 5 วัน ทำงานครั้งละ 3 ชั่วโมง แขกเสร็จเมื่อไรก็เลิก ถ้าอยากทำต่อก็ว่ากันอีกที ที่หลับนอนก็หาเอาม่านรูดแถวปากเกร็ด เสียค่าโรงแรม 250 บาทต่อชั่วโมง เวลาเข้าม่านรูด แขกไม่ค่อยกล้าเบี้ยวเงินเพราะถ้าหนูโวยวาย รับรองเป็นเรื่อง”

” มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยรับแขกหน้าตาดูไม่ได้เลย แถมยังตัวใหญ่น่ากลัวมาก ตอนนั้นไปกับเพื่อน 2 คน ทีแรกก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีเงินรึเปล่า พอเขาจับไต๋ออกว่าเราไม่ค่อยเชื่อใจ เลยรีบควักเงินออกมากองนับได้ 2 แสนบาท หนูก็เลยยอมเขาแบบ 2 รุม 1 เพราะเงินตัวเดียว”

บาง ทีรู้สึกท้อมาก โดยเฉพาะเวลาเจอแขกทำทารุณ หรือไม่สุภาพ ต้องขอตัวกลับบ้าน ตัดใจไม่เอาเงินดีกว่า เวลาแขกติดต่อหนู จะติดต่อได้ทางโทรศัพท์ ไม่ต้องผ่านนายหน้าเลยไม่โดนหักเงิน แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ผ่านนายหน้า มักโดนหักค่าตัวเยอะ เขาชอบอ้างว่าคนโน้นคนนี้ติดต่อมาอีกที เลยหักกันเป็นทอดๆ จนแทบไม่เหลือสักบาท

นาย หน้าที่ดีๆ ก็มี เช่น ป้าคนหนึ่งอยู่แถวปากเกร็ด เขาจะติดต่อแขกดีๆ มีทิปหนักๆ ให้ โดยเฉพาะพวกนักการเมืองจะให้หนักเป็นพิเศษ ส่วนอีกคนชื่อ “เหมียว” เป็นนายหน้าแถวสะพานควาย

” เหมียว” เขาจะพาพวกหนู ซึ่งเป็นเด็กนักศึกษาจากหลายสถาบันไปให้ผู้ชายคนหนึ่งดูตัว เราชอบเรียกกันว่า “คุณอา” คุณอาจะคัดตัวเด็กที่พี่เหมียวหามาให้ ใครคัดตัวไม่ผ่านจะได้ 500 บาท ส่วนใครผ่านจะได้ 1,000 บาท คุณอาจะเลือกเด็กหน้าตาไม่สวยมาก โดยเฉพาะเด็กที่ฐานะยากจน เพื่อส่งเสียให้เรียนต่อ

สำหรับข้อหาฐานเป็นธุระจัดหา…ตั้งตัวเป็น “แม่เล้า” นั้น น้องหญิง ปฏิเสธว่า

” หนูอายุแค่ 23 ปี เด็ก 17-18 ปี ที่ไหนมันจะเชื่อหนู อย่างมากก็แค่ชักชวนเพื่อนๆ ที่เจอกันตอนร่วมงาน แลกเบอร์เผื่อเวลามีลูกค้าแนะนำกัน ใครเดือดร้อนก็ช่วยเหลือ แต่ก็รู้ดีว่าแก้ตัวไม่ขึ้น เพราะเงินล่อซื้อมันคามือหนูอยู่ แต่ยืนยันได้ว่าเด็กทุกคนไม่มีใครถูกบังคับ ทุกคนเต็มใจหมด”

น้องหญิงเล่าว่า ชีวิตเด็กที่ถูกจับแต่ละคนน่าสงสารมาก บางคนพ่อแม่ตายหมด ต้องเลี้ยงดูน้องสาวที่เป็นใบ้ตามลำพัง เลยต้องขายตัวตั้งแต่ ม.ต้น เพราะความจำเป็นบีบบังคับ

” ผู้หญิงที่ไหนอยากจะเสียตัวให้ผู้ชายที่ไม่ใช่คนที่ตัวเองรักฟรีๆ ล่ะพี่ หนูเองก็มีแฟน ก่อนที่จะถูกจับเขาไม่เคยรู้ว่าหนูขายตัว แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว หนูก็เสียใจเหมือนกัน แต่ทำไงได้ในเมื่อเราไม่มีเงิน อีกอย่างพี่สาวที่เป็นญาติกันเขาเพิ่งเรียนจบกำลังตกงาน หนูเลยต้องแบ่งเงินให้เขาใช้ แถมต้องให้น้องชายอีก 2 คนด้วย ใครขออะไรหนูให้หมดเพราะเงินมันได้ง่าย แม้ว่าหนูต้องฝืนใจทำงานบ้างในบางครั้ง”

น้อง หญิง แฉด้วยว่า บ่อยครั้งแขกของเธอมักอ้างว่า เป็นตำรวจระดับผู้กำกับหรือสารวัตร แต่เธอไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเป็นตำรวจ “จริง” หรือ “ปลอม” เพราะแต่ละคนจะเก็บงำชื่อเสียงเรียงนามอย่างมิดชิด กลัวเรื่องจะลามมาถึงตัวเอง!

ลัล ลาถามว่า กลัวเพื่อนที่เรียนด้วยกันรู้ความจริงไหม? น้องหญิง ตอบว่า กลัวเหมือนกัน แต่คงไม่มีใครรู้เพราะหน้าตาไม่ได้สวยอะไรมากนัก ไม่เหมือนเด็กมหาวิทยาลัยเอกชนดังๆ ที่มีแต่สวยๆ ทั้งนั้น ด้วยความเจียมตัวเลยต้องยอมทำงานเฉพาะย่านปากเกร็ดบ้านตนเองเท่านั้น

“หนูไม่รู้เหมือนกันว่า สถาบันที่หนูเรียนอยู่ จะมีใครทำอาชีพเดียวกันหรือเปล่า เพราะคงไม่มีใครยอมเปิดตัว แต่สำหรับหนู ป่านนี้เพื่อนคงรู้หมดแล้ว เสียดายอุตส่าห์ส่งตัวเองมาจนใกล้จบ แต่พอเจอคดีแบบนี้ก็จบกัน”

เธอ บอกด้วยว่า เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเอกชนดังๆ มีเสี่ยเลี้ยงเยอะแยะ ได้เงินดีด้วย แค่ไปเดินควงแขนกันตามห้างก็ได้เงินครั้งละ 2,000-3,000 บาท ถ้ามีอะไรกันก็ยิ่งได้เยอะ พวกนี้ต้องเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง พยายามอัพตัวเองเพื่อให้ดูดี ถูกใจแขกกระเป๋าหนักอยู่ตลอด

สำหรับบทสัมภาษณ์น้องหญิง ไม่มีใครรู้ว่า สิ่งที่เขาพูด มันเกิดกับชีวิตเขาจริงๆ หรือเพียงแค่แต่งเติมให้รู้สึกว่า “จำเป็นที่ต้องประกอบอาชีพนี้” ยังมีนักศึกษาสาวอีกหลายคนที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อนความสบาย ยอมเป็นบ้านเล็กของบรรดาเสี่ยทั้งหลาย ให้เขาซื้อคอนโดและรถหรูให้ขับ …. มันเป็นค่านิยมไปแล้วค่ะ อยากได้อยากมี อยากแข่งขันกันใช้ของแพงๆซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีเลย คงโทษผู้ปกครองของเด็กไม่ ได้ เพราะบางคนเกิดมาในพื้นฐานครอบครัวที่ดี แต่มาเสียเพราะความเป็นตัวเอง ….. ใครจะรู้ บางทีคนรอบข้างของคุณอาจจะกำลังประกอบอาชีพนี้อยู่ก็เป็นได้ นะค่ะ
ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=287505

นักเรียน/นักศึกษาขายตัว ความจริงที่ ตบหน้า สังคมไทย
หมายเหตุ – เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่สถาบันราชภัฏสวนดุสิต มีการสัมมนาเรื่อง ” นักเรียน/นักศึกษา ขายตัว : สัมมนาปัญหาเชิงลึก/วิเคราะห์ ” จัดโดยนักศึกษาปริญญาโท สาขาบริหารการศึกษา สถาบันราชภัฏสวนดุสิต เพื่อระดมความคิดเห็นในการแก้ปัญหา การขายตัวของนักเรียน นักศึกษา โดยเชิญผู้ขายบริการ ผู้ใช้บริการ และผู้จัดบริการ (แม่เล้า) ร่วมสัมมนา มีรายละเอียดน่าสนใจดังนี้

* น้องหน่อย (นามสมมุติ) นักศึกษาที่ขายบริการทางเพศ
“–สาเหตุที่มาทำอาชีพนี้เพราะต้องการนำเงินไปใช้ในการศึกษา เกี่ยวกับอุปกรณ์ ต้องส่งเสียครอบครัว เนื่องจากพ่อเสียชีวิต ไม่มีอาชีพอื่นที่ได้ผลตอบแทนสูง ผิดหวังเรื่องแฟน ต้องการมีวัตถุนิยมตามเพื่อนและสังคม อยากมีโทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้าสวยๆ อยากมีเงินใช้จ่ายตลอด และอยากมีเงินเที่ยวสถานเริงรมย์ ส่วนแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหานั้น อยากให้ส่งเสริมอาชีพ ที่มีรายได้กระจายทั่วถึง ให้การศึกษาที่เข้าใจการดำเนินชีวิต มีความภาคภูมิใจในชีวิต จัดหางานให้เมื่อเรียนจบ และรัฐควรจัดหางานให้ระหว่างเรียนเพื่อเป็นรายได้เสริม

ที่เข้ามาสู่อาชีพนี้เพราะได้รับการติดต่อจากเพื่อน ตอนที่เพื่อนชวนก็คิดอยู่นาน แต่เพื่อนบอกว่าทำแล้วจะได้เงินง่าย อย่างไรก็ตาม ไม่คิดที่จะทำอาชีพนี้ตลอดไป อนาคตคิดจะหยุด และหางานดีๆ ทำ แม้จะได้เงินน้อยกว่า–”

* น้องฟิว (นามสมมุติ) นักศึกษา
“–สาเหตุเข้าสู่อาชีพเสริมเพราะความต้องการทางเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าลงทะเบียน ค่าที่พัก และค่าเครื่องสำอาง รวมถึงได้รับการชักจูงจากเพื่อนในกลุ่มที่ทำอาชีพเสริมอยู่ มีเงินใช้จ่ายคล่องตัวมากขึ้น ที่สำคัญคือผู้ที่ทำอาชีพเสริมคิดว่าพวกเขาได้เดินมาถูกต้องแล้ว เพราะชีวิตเป็นของเขาเอง ฉะนั้นจะทำอะไรกับชีวิตของเขาก็ได้

ที่เลือกอาชีพนี้เพราะมีรายได้สูง ที่ผ่านมาไม่ได้ติดต่อทางบ้านเลย จึงต้องหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายเอง มีค่าใช้จ่ายประมาณ 400 บาทต่อวัน ถ้าไปทำอาชีพอื่นรายได้จะน้อย แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการหารายได้จากการขายบริการทางเพศเลย

ส่วนแนวทางป้องกันนั้น เห็นว่าต้องสร้างจิตสำนึกในการยอมรับสภาพความจริง พ่อแม่ ครูอาจารย์ต้องสอดส่องใกล้ชิด สร้างความอบอุ่นในครอบครัว หาอาชีพเสริมที่สุจริต และสถานศึกษาจัดหางานพิเศษให้–”

* น้องแอน (นามสมมุติ) นักศึกษาหญิงชั้นปี 3
“–เข้าสู่ธุรกิจขายตัวเพราะปัญหาครอบครัว พ่อแม่แยกกัน และพ่อมีภรรยาใหม่ ค่าใช้จ่ายในการเรียนไม่พอ เพื่อนชักจูงเพราะได้เงินง่าย ไปทำงานกับเพื่อนโดยมีแม่เล้าจัดให้ขายบริการ แต่ปัจจุบันขายบริการทางเพศเองโดยไม่ต้องพึ่งแม่เล้า แต่ใช้วิธีแขกบอกต่อๆ กัน แล้วโทรศัพท์นัดหมาย จากนั้นแขกจะเป็นผู้นัดไปในสถานที่ที่กำหนดเอง

เพิ่งเข้าสู่ธุรกิจขายตัวได้ 2-3 เดือน สาเหตุเพราะเดิมอยู่กับคุณพ่อ และคุณพ่อจะเลี้ยงดูอย่างดี ระยะหลังคุณพ่อมีภรรยาใหม่จึงไม่ดูแลเหมือนเดิม ที่เข้าสู่ธุรกิจขายบริการครั้งแรกเพราะรู้จักกับแม่เล้า ที่พักอยู่อพาร์ตเม้นต์เดียวกันมาชวน หลังจากที่ทำอาชีพนี้แล้วก็มีเพื่อนมาถามว่าทำหรือไม่ ก็บอกไปว่า ไม่ได้ทำ แอนจะไม่ชักชวนเพื่อนให้ขายบริการ แต่จะแนะนำแขกให้เฉพาะเพื่อนที่ทำอาชีพนี้ด้วยกัน ซึ่งเพื่อนนักศึกษาที่ขายบริการมีจำนวนมาก

สิ่งที่อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือคือ เพิ่มกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เพราะนักศึกษาส่วนหนึ่ง ที่ขายบริการเพราะต้องการนำเงินไปใช้จ่ายค่าเล่าเรียน เนื่องจากกู้เงินจากกองทุนไม่ได้เลย

ส่วนแนวทางป้องกันและแก้ไขก็อยากให้พ่อแม่เอาใจใส่บุตรหลานให้มาก ควรสอดส่องเพื่อนๆ ที่ลูกคบ ให้ความรู้ และควรจัดตั้งกองทุนสวัสดิการการศึกษาแก่นักศึกษาให้แพร่หลายกว่าที่เป็นอยู่ และกระจายทุนให้นักศึกษาที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ–”

* น้องดาว (นามสมมุติ)
“–เข้าสู่วงจรของธุรกิจนี้เพราะถูกชักชวน เนื่องจากทางบ้านมีหนี้สิน รู้จากเพื่อนบ้านว่าทำอาชีพนี้ เพื่อความอยู่รอดเหมือนกัน

น้องดาวกล่าวว่า เริ่มจากไปร้องเพลง และรู้จักคนมากขึ้นเรื่อยๆ รู้ว่านักร้องที่นั่น ขายบริการทางเพศกันก็เลยทำบ้าง ไม่ใช่เรื่องของค่านิยม และไม่เคยคิดว่าเป็นค่านิยมเลย แต่เป็นอะไรที่ถึงที่สุด เวลานี้กำลังเรียนระดับปริญญาตรี ตั้งใจว่าจะเก็บเงินให้ได้สักก้อน เพราะถ้าเรียนจบแล้วไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

แนวทางป้องกันและแก้ไข จึงจำเป็นต้องให้พ่อแม่เอาใจใส่ลูก สังเกตพฤติกรรมลูก ครูอาจารย์ต้องรับฟังปัญหาเด็ก สังคมต้องร่วมกันสกัดกั้นเส้นทางเข้าสู่วงจรนี้ และรัฐต้องควบคุม และมีกฎหมายบังคับอย่างจริงจัง รวมทั้งเร่งปลูกฝังจริยธรรมในตัวเด็ก–”

* นายสิงห์ (นามสมมุติ) นายหน้า
“—อาชีพหลักของผมคือ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่ที่มาทำเพราะชอบเที่ยวกลางคืน และมีพรรคพวกที่เป็นนายหน้าอยู่ ชอบแนะนำน้องๆ ให้รู้จัก จึงทำหน้าที่ประสานให้กับคน ที่มีความต้องการใช้บริการ ผมเป็นแค่นายหน้าไม่ใช่พ่อเล้า เพราะไม่ใช่อาชีพหลัก ผมรู้จักนักศึกษาหลายสถาบัน และตนก็รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่กว้างขวาง ส่วนใหญ่ที่ขายบริการ เพราะเดือดร้อนเรื่องเงิน น้องๆ พวกนี้จะทิ้งเบอร์โทรศัพท์ เบอร์เพจให้สำหรับติดต่อกลับไป ถ้าคนที่ทำประจำสามารถเรียกใช้บริการได้ภายในครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าเป็นครั้งเป็นคราว ต้องใช้เวลาติดต่อประมาณ 24 ชั่วโมง โดยผู้ที่จะใช้บริการสามารถเลือกสถาบันได้–”

* น้องต่อ (นามสมมุติ) ผู้ขายบริการ
“–มีหญิงบริการบางกลุ่มอ้างตัวเป็นนักศึกษาเพราะต้องการให้ตัวเองดูมีราคา และมองว่า นักศึกษาขายตัวมาแย่งอาชีพ แต่นักศึกษาขายบริการกลับมองว่า ที่ทำต้องจำยอม ไม่มีเงิน ถ้าเลิกได้ก็จะเลิก เพราะรู้สึกลำบากใจ เพราะต้องพบกับลูกค้าทั้งดีและไม่ดี ถ้าเจอคนไม่ดีจะถูกเหยียดหยาม กักขฬะ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นทหาร และตำรวจ

ต่อกำลังเรียนอยู่ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ป.วช.) ปี 3 ขายบริการมาได้ 2 เดือนแล้ว ก่อนมาทำเคยเสียตัวมาก่อน จึงได้ตัดสินใจขายบริการทางเพศ รวมทั้งมีปัญหาด้านการเงิน ส่วนที่มีหญิงขายบริการทางเพศอ้างว่า เป็นนักศึกษานั้นไม่สมควร ส่วนที่นักศึกษาต้องขายบริการ เพราะความจำเป็น เคยหางานอื่นทำแต่หาไม่ได้ ทั้งงานเต็มเวลาและงานพิเศษ แต่คิดว่า ถ้าเรียนจบก็คงจะเลิก

สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการมีทั้งทหาร ตำรวจ และนักธุรกิจ รู้สึกไม่ค่อยดี แต่ต้องการเงินของเขา ก็ต้องยอม ผู้ใช้บริการกลุ่มที่ดีที่สุดคือ ทหาร กับตำรวจ โดยกลุ่มทหารจะดีกว่า สิ่งที่อยากขอให้รัฐบาล ช่วยเหลือคือ จัดการศึกษาให้ฟรี จะได้ไม่มีปัญหาค่าใช้จ่าย

ไม่อยากแนะนำให้เพื่อนๆ ทำ เพราะไม่ใช่อาชีพที่ดี สำหรับตัวเองเห็นว่าไม่เสียหายอะไร เพราะเสียหายตัวเองคนเดียว เสียชื่อ นามสกุล ของตัวเองเท่านั้น และคนที่เข้ามาอยู่ในอาชีพนี้ก็มีทั้งดี และไม่ดี บางคนทำเพราะจำเป็น แต่บางคนทำเพราะฉวยโอกาสที่จะได้ประโยชน์ก็มี ส่วนใหญ่มีเพื่อน ทำอาชีพนี้มาก ทั้งระดับ ป.วช. ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ป.วส.) และปริญญาตรี ส่วนปริญญาโทขึ้นไปมีหรือไม่ ยังไม่เคยเจอ–”

* คุณเอ๋ (นามสมมุติ) เอเย่นต์
“–ต้องทวงถามจุดยืนและจริยธรรมของสื่อในการลงโฆษณาแหล่งขายบริการในหนังสือนิตยสาร หนังสือพิมพ์บางฉบับ เพราะการลงโฆษณาเป็นการส่งเสริมให้มีการขายบริการทางเพศ จึงอยากเรียกร้องให้สื่อยุติการลงโฆษณาเชิญชวนแหล่งบริการ ซึ่งเป็นแนวโน้มให้เด็กอยากลอง เพื่อหารายได้ และให้สื่อทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่เยาวชน และประชาชนทั่วไป

การเป็นเอเย่นต์หาลูกค้าให้กับผู้ใช้บริการทางเพศไม่ใช่สิ่งที่ดี และการลงข่าวคราว เกี่ยวกับนักศึกษาขายตัวจะเป็นตัวอย่างให้นักศึกษาคนอื่นๆ ขายบริการทางเพศตาม–”

* น้องแวว (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ผู้จัดหา (แม่เล้า)
“–เหตุที่มาทำอาชีพนี้เพราะพ่อแม่แยกทางกัน เริ่มทำหน้าที่จัดหาผู้ขายบริการให้กับผู้รับบริการ ตั้งแต่อายุ 18 ปี โดยทราบข้อมูลจากเพื่อนชายในสถาบัน และจากโปสเตอร์ที่ติดตามสถาบัน และประกาศรับนายแบบ นางแบบ

สาเหตุที่มาทำเพราะอยากได้เงิน เงินสามารถบันดาลทุกสิ่งให้พวกเราได้ค่ะ เงินสามารถบันดาลความสุขได้

หนูอยู่ในฐานะแม่เล้า ถ้ามีลูกค้ามาใช้บริการก็จะใช้วิธีหว่านล้อมเด็ก พูดพักเดียวเด็กก็ทำเพราะเงิน ส่วนทีเด็ดที่ทำให้ลูกค้ามาใช้บริการเด็กในกลุ่มมากนั้น ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ลูกค้าของหนูมีมากจนต้องการเด็กเพิ่ม ถ้าเด็กไม่พอในฐานะแม่เล้า ก็ต้องลงไปขายบริการเอง หนูไม่คิดว่าพวกหนูเป็นปัญหาสังคม เพราะไม่ได้ไปบังคับใครให้ขายตัว และไม่ได้บังคับให้คุณผู้ชายมาใช้บริการ แต่คุณผู้ชายเหล่านั้นมาหาเอง แสดงว่าพวกหนูเก่ง ถ้าจะแก้ปัญหานี้ต้องแก้ที่ลูกค้า เพราะถ้าไม่มีลูกค้ามาใช้บริการเมื่อไหร่ พวกหนูก็ไม่มีงานทำ

“หนูไม่รู้พวกเด็กๆ ในสังกัดหนูเขาป้องกันตัวหรือไม่ แต่ตัวหนูเองนั้นไม่ได้ป้องกัน เพราะผู้ชายที่มาใช้บริการควรเป็นฝ่ายป้องกัน ถ้าป้องกันหนูก็ไม่สนใจ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่า หนูเป็นโสเภณี เขาจึงต้องป้องกันตัวเอง และตั้งแต่หนูขายบริการมายังไม่เคยไปตรวจแม้แต่ครั้งเดียว

อยากให้รัฐเร่งประชาสัมพันธ์เรื่องโทษของการให้บริการทางเพศ สร้างจิตสำนึกผู้บริหารระดับสูง ของรัฐและเอกชน ไม่ให้ร่วมมือในการใช้บริการทางเพศจากนักเรียน นักศึกษา นอกจากนี้ สถานศึกษาควรเข้มงวดกับการติดโปสเตอร์ตามสถาบัน เพราะเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง–”

* น้องฝน (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ผู้ขายบริการ
“–เทคนิคการให้บริการเพื่อจูงใจลูกค้า ก็คือวางตัวเป็นกันเอง ให้ความเคารพ อ่อนน้อม ใช้วาจาอ่อนหวาน แต่งหน้าเป็นธรรมชาติ ไม่ใช้เครื่องสำอาง ปล่อยผมตรง ผมยาว ไม่ดัด ไม่ซอย ไม่ซักถามเรื่องส่วนตัวของลูกค้า ไม่แสดงอาการผูกมัด เจรจาลักษณะเชื่อฟังลูกค้า ตามใจลูกค้าบนเตียง รักษาความสะอาด ใช้น้ำหอมราคาแพงๆ ใช้สรีระร่างกายให้เป็นประโยชน์ เช่น หน้าอกใหญ่

ที่ต้องขายบริการเพราะต้องผ่อนค่าเล่าเรียนเดือนละ 3,000 บาท จึงอยากให้จัดให้เรียนฟรี–”

* มาม่าซัง บาร์อะโกโก้ย่านพัฒน์พงษ์
“–ที่หันมายึดอาชีพมาม่าซังเพราะรายได้ดี ไม่ต้องใช้ความรู้มาก เด็กที่มาขายบริการส่วนหนึ่ง เป็นนักศึกษา อายุประมาณ 21-22 ปี เด็กที่ขายตัวส่วนใหญ่เป็นเด็กชอบเที่ยว ชอบใช้ของแพง มีค่านิยมตามเพื่อน และต้องการทดลอง มักจะมาสมัครขายบริการช่วงปิดเทอมมาก ส่วนใหญ่บอกว่า ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน ขอทำเป็นไซด์ไลน์ มีเด็กบางคนบอกว่า ให้หาฝรั่งมาเปิดบริสุทธิ์ให้หน่อย คิดราคา 15,000-30,000 บาท ก็ไม่รับปาก

เคยถามเด็กว่า ทำไมถึงขายตัว บางคนบอกว่าบ้านยากจน จึงแนะนำให้ลองไปทำที่เลาจน์ ตัวเองไม่เคยวิ่งไปหาเด็กมาทำอาชีพนี้ แต่เด็กที่มาอยู่มักชักชวนกันมาเอง ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เด็กเหล่านี้ทำ อยากบอกไปถึงคุณพ่อคุณแม่ว่า อย่ามัวทำงานเก็บเงิน ลูกขอเท่าไหร่ก็ให้ เป็นการทำร้ายลูกที่สุด ควรสร้างความอบอุ่นในครอบครัว ให้กำลังใจ เชื่อว่าปัญหานี้คงลดลงบ้าง

อย่างที่ตัวเองทำอาชีพนี้เพราะเคยแต่งงานมีลูก แต่หย่ากับสามี ประกอบกับไม่มีความรู้ก็เลยคิดว่า ถ้าทำงานนี้จะเลี้ยงลูกได้แม้จะไม่ชอบ และในฐานะแม่ก็ไม่อยากให้ลูกทำอย่างนี้–”

* คุณนก (นามสมมุติ) อดีตผู้ประกอบการแถวพัฒน์พงษ์
“–การกำหนดราคาจะขึ้นกับหน้าตา ทรวดทรง เช่น อกใหญ่ขนาด 35-36 นิ้ว สีผิวไม่ใช่ปัญหา เป็นคนเอาอกเอาใจ การคิดค่าบริการขึ้นอยู่กับว่าเป็นการให้บริการชั่วคราวหรือค้างคืน ค่าใช้จ่ายในการให้บริการในปัจจุบันอยู่ประมาณ 2,000-4,000 บาท นางแบบ 5,000 บาท ค้างคืน 4,000 บาท ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ส่วนมากอายุ 30 ปีขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่จะมีอายุ 40 ปีขึ้นไป

การคิดราคาในการบริการ คือ 3 ชั่วโมง 2,000 บาทต่อครั้ง ให้ตัวแทนนักศึกษา 500 บาท และนักศึกษา 1,500 บาท ถ้าใช้บริการทั้งคืน ผู้ใช้ต้องจ่ายให้ร้าน 700 บาท และตกลงกับผู้ขายบริการเอง ประมาณ 3,000-5,000 บาท ราคาของคนใหม่และคนเก่าเท่ากัน

ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ เจ้าหน้าที่ธนาคาร วัยรุ่น และบุคคลทั่วไป ถ้าใช้บริการโดยนั่งพูดคุยในร้าน 45 นาที สั่งดริ๊งก์ 1 ครั้ง 120 บาท เด็กให้บริการได้ 70 บาท ร้านได้ 50 บาท ถ้าพูดคุยแล้วเกิดความพอใจจะใช้บริการ ทั้งสองฝ่ายจะต้องตกลงกับตัวแทน เพื่อไปใช้บริการข้างนอก ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรกับงานที่ทำ ในฐานะที่ได้รับเงินเดือนจากร้าน ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่จะไม่มีการบังคับเด็กเด็ดขาด เป็นความพอใจของเด็กเอง เพราะตัวเองก็มีลูกมีครอบครัว ไม่อยากเห็นนักศึกษาขายตัว อยากให้มีงานที่ดีกว่านี้ทำ–”

* น้องไก่ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี นักเรียนมัธยมปลาย
“–ขายบริการมา 3 ปีแล้ว ครั้งแรกเป็นฝ่ายเดินเข้าไปถามเพื่อนเอง ไม่ได้ถูกชักจูง ที่ทำเพราะได้เงินมาก ถ้าชั่วคราวประมาณ 2,000-2,500 บาท ค้างคืน 3,000 บาท ได้ประมาณสัปดาห์ละ 7,500 บาท ต้องจ่ายเป็นค่าเล่าเรียน ส่งให้พ่อแม่ และน้อง 2 คน ที่บ้านไม่มีใครรู้ว่าขายบริการ และไม่เคยถาม เพราะรู้แต่ว่าทำงานโรงงาน และเรียนหนังสือ ก็รู้สึกอึดอัด เคยชักชวนเพื่อนๆ ให้มาขายบริการประมาณ 3-4 คน คาดว่าจะทำต่อไปจนเรียนจบ เคยเสียใจเหมือนกันที่เลือกอาชีพนี้ ถ้าเลือกได้ใหม่จะไม่ทำ–”
ที่มาหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน

ขายค่ะ ทำไมฉันขายบริการ
ทำไม ? ฉัน .. ขายบริการทางเพศ
บทเริ่มต้นของแจง
แจง นักศึกษาปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเอกชน อายุ 19 ปี “มีคนชอบแจงเยอะค่ะ แจงอวบแล้วก็ขาว ก็เป็นลูกคนจีนค่ะ” เหตุผลที่แจงเริ่มงานนี้ ดูเหมือนไม่ต่างจากเพื่อนอีกหลายๆคน..อยากมีเงินใช้ค่ะ แล้วก็เห็นว่าไม่เสียหายอะไร…แค่เทอม 1 ปี 2 แจงก็ก้าวเข้าสู่หลักสูตรสร้างเสริมประสบการณ์เซ็กซ์ มีเวปไซต์ส่วนตัวกับรูปถ่ายแนวเซ็กซี่ๆ โชว์รูปของตัวเองสัก 3-4 รูป เท่านี้แจงก็มีรายได้เสริม ด้วยการใช้เรือนร่างเข้าแลก แจงหาเงนเลี้ยงตัวเองได้ แต่บอกใครไม่ได้ว่าได้เงินมายังไง แจงสารภาพว่าแรกๆก็รู้สึกมีความสุขดีกับค่าตอบแทนที่ได้มา แต่ลึกๆก็อดเกลียดตัวเองไม่ได้ “ทุกครัง้เวลาไปนอนกับลูกค้า ก็นึกด่าตัวเองเหมือนกัน แล้วก็ถามตัวเองว่า ทำไม ฉันต้องมานอนกับไอ้แก่นี่ด้วยนะ” ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน แจงนอนกับผู้ชายเป็นสิบ บางทีวันเดียวได้ถึง 3 คน เพราะร้อยทั้งร้อย พอเห็นรูปแจงแล้ว ก็มักจะอดใจรีบนัดเจอไม่ได้สักราย…

บทสรุปของแจง
แจงไม่ได้รับลูกค้ามาหลายเดือนแล้ว..ไม่ได้เลิกก็เหมือนต้องเลิก “เปล่านะ แจงไม่ได้เป็นเอดส์หรือติดโรคทางเพศสัมพันธ์นะ แต่เป็นเรื่องของผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับอวัยวะเพศ มันคงเริ่มเป็นมานานแล้ว แต่แจงไม่รู้ตัวมากกว่า เริ่มจากรู้สึกแสบๆข้างในเวลาที่ต้องมีน้ำผ่านบริเวณนั้น มันเป็นๆหายๆก็เลยคิดว่าคงไม่เป็นไร หลังจากนั้นผ่านไปนานเหมือนกัน เริ่มรู้สึกแปลกๆว่าเวลามีเพศสัมพันธ์เราเจ็บมากนะ เจ็บมากกว่าปกติ ไม่ใช่เรื่องขนาดของผู้ชาย แต่เป็นเรื่องการเสียดสี เป็นทุกครั้งที่มีอะไรกับทุกคน เลยต้องรวบรวมความกล้าไปหาหมอ..

อายมากนะตอนที่หมอถามว่า “มีเพศสัมพันธ์บ่อยใช่มั้ย” เพราะเนื้อบริเวณนั้น ได้รับการเสียดสีมากจนมีผลข้างเคียง มันไม่ใช่เรื่องการอักเสบ หรือติดเชื้อ แต่มันเป็นเรื่องสภาพผิวกล้วเนื้อที่เปลี่ยนไปเพราะถูกใช้งานหนัก ถูกกระแทกกระทั้นรุนแรงเกินกว่าจะรับไหว ร่างกายมันเลยประท้วง หมอบอกว่า ผลข้างเคียงนี้ส่งผลระยะยาวแน่ๆเพราะอีกหน่อยถ้าต้องมีลูก ไม่รู้ว่ากล้ามเนื้อตรงกระดูกเชิงกรานจะแข็งแรงพอที่จะอุ้มเด็กไว้หรือเปล่า เวลาท้องอาจจะแท้ง คงทำใจไม่ได้ง่ายแน่ๆ”

ขายค่ะ ทำไมฉันขายบริการ
ความเชื่อของเมย์
เพียง 3 เดือนแรกที่เมย์ก้าวมาทำงานนอกเวลาเรียน ด้วยการขายบริการทางเพศ เมย์ก็เริ่มมีแขกประจำ อาจเป็นเพราะหน้าตาที่สะสวย หรือเพราะความขี้อ้อน หรือเพราะความใจกล้าบ้าบิ่น “วิธีของเมย์น่ะเหรอคะ เมย์ไปที่ไหนก็ได้ ที่ลูกค้าจะนัดไป ห้องพัก อพาร์ทเม้นท์ คอนโด โรงแรม หรือแม้แต่ออฟฟิศสำนักงาน ก็เคยมาแล้ว ที่เด็ดกว่านั้น เมย์มักหลอกคนที่โทร.มาติดต่อว่า เมย์มีน้องมาแนะนำ เพิ่งเรียนปี 1 เอง น้องเค้าเป็นเด็กต่างจังหวัดทางบ้านส่งเงินมาไม่ทันอยากให้น้องมีเงินใช้ เมย์พาน้องไปให้พี่ดูก่อนก็ได้ ถ้าชอบน้องก็ไม่ต้องเลือกเมย์ก็ได้ เมย์กับน้องไม่มายด์หรอกค่ะ ”

เมย์บอกว่าวิธีนี้หาเงินได้เป็นสองเท่า เพราะหนุ่มๆหลายคนมักชอบที่จะได้ประสบการณ์อย่างว่ากับสาวแรกรุ่นทีเดียวถึง 2 คน ความจริงก็ไม่ใช่น้องที่ไหนหรอก เพื่อนๆกันนั่นแหละ..เมย์คิดว่าตัวเองเก่งในเรื่องนี้ ทันคน มีวิธีหลอกเอาเงินจากกระเป๋าผู้ชายได้มากกว่าปกติ แล้วเมย์ก็ขอเลือกลูกค้าด้วยนะ “ถ้าแก่ๆ เมย์ไม่เอา ขอหนุ่มๆหน่อยดีกว่า หน้าตาดีๆ หายากอยู่แล้ว วันไหนโชคดีเจอหนุ่มๆหน้าตาดี เมย์กับเพื่อนก็สุดฝีมือเลย ถือว่าให้รางวัลกับชีวิตไป”

ความจริงที่เมย์ไม่รู้
“น้ายอด” หนุ่มวัยกว่า 40 เจ้าของธุรกิจแผ่นหนังเรทอาร์ เล่าให้เราฟังว่า ทำหนังเรทอาร์เดี๋ยวนี้ง่ายมากๆไม่ต้องเสียเวลาติดต่อเอเย่นต์หาเด็กๆสาวๆ ที่ไหนให้เปลืองเงิน เปลืองเวลาหรอก เพราะเด็กสาวๆสมัยนี้ใจกล้าขึ้นเยอะ ผมแค่หาเด็กหนุ่ม พวกพ้องกันเอง เข้าไปในห้องแชตในอินเตอร์เน็ต เลือกหน้าตาเอาจากรูปที่พวกเค้าส่งให้ดู แล้วนัดไปเจอกันที่โรงแรมหรือคอนโด แอบตั้งกล้องไว้ให้เรียบร้อย เด็กเค้าไม่รู้หรอก เพราะหนังเรทอาร์ไม่ได้เน้นให้เห็นเฉพาะตรงนั้น แต่เน้นเรื่องการร่วมรักมากกว่า ส่วนใหญ่จะใช้ผู้ชายหน้าตาดีๆ นักศึกษาส่วนใหญ่ก็เลยเต็มที่กะว่าให้หนุ่มคนนี้ติดใจ ไม่รู้หรอกว่าเรากำลังถ่ายหนังอยู่ เบ็ดเสร็จแล้วจ่ายไม่กี่พัน

ขายค่ะ ทำไมฉันขายบริการ
วันว่างของปุ้ม
ปุ้มเรียนอยู่มหาวิทยาลัยของรัฐ มาจากครอบครัวชั้นกลางจากจังหวัดทางเหนือ..มีเพื่อนๆที่ชอบแต่งตัว ตามแฟชั่นกันทั้งแก๊ง ปุ้มติดเพื่อน ก็เลยช่วยไม่ได้ที่จะต้องมีอะไรใช้เหมือนๆกับเพื่อน ทั้งกระเป๋า มือถือ นาฬิกา มีแบบอะไรใหม่ๆมาใครในกลุ่มมีใช้ก่อน ถือว่าแน่มาก..แรกๆปุ้มก็คิดว่าพ่อแม่ของเพื่อนๆคงตามใจกันน่าดู ลูกอยากได้อะไรก็ซื้อให้หมด มารู้ทีหลังเมื่อเพื่อนในกลุ่มมาบอกแถมชวนให้หาเงินวิธีนี้ วิธีที่ใช้ตัวเข้าแลก

“ตอนลองครั้งแรกปุ้มใจไม่กล้าพอ ต้องใช้ยาช่วยให้มันมึนๆเมาๆหน่อย เดี๋ยวนี้ไม่มีปัญหาสตาร์ทเมื่อไหร่เครื่องติดเมื่อนั้น หาเงินได้เท่าไหร่ ก็ซื้อของหมดไม่มีเงินเก็บหรอก แถมยังต้องแบ่งให้แฟนใช้ด้วย แฟนปุ้มเค้าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน ปุ้มก็อยากให้เค้ามีอะไรใช้ทัดเทียมคนอื่น แฟนเรานี่คะ ปล่อยให้คนดูถูกไม่ได้หรอก ทุกวันนี้ก็เหมือนหาเลี้ยงแฟน เค้าก็รู้นะว่าเราทำอาชีพเสริมแบบนี้ ไม่ว่าอะไร เค้ารับได้ เค้าบอกเค้าเข้าใจเรา

แรกๆปุ้มก็ไม่คิดหรอกนะว่าผู้ชายท่าทางเรียบร้อยอย่างเค้าจะเข้าใจ เรื่องอย่างนี้ได้ เดี๋ยวนี้เวลาว่างจากชั่วโมงเรียนทั้งหมด จะหมดไปกับการนั่งแชตในอินเตอร์เนต ก็เสียวอยู่เหมือนกัน ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น ส่วนใหญ่ก็หาได้แทบทุกวัน แต่บางทีพอนัดไปเจอก็โดนเบี้ยว แอบหนีแอบหลบ บอกว่าเราดูโทรม

ขายค่ะ ทำไมฉันขายบริการ
ปราง สาวสวยรุ่นพี่
ตอนนี้ปรางเรียนจบปริญญาตรี และเข้าเป็นพนักงานด้านการตลาดของบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ความจริงที่เธอลืมไม่ได้ ก็เรื่องราวตั้งแต่ครั้งแรกเข้าวงการนางงาม “ปรางเข้าประกวดตอนอายุ 18 พอเรียนจบม.ปลายเพื่อนยุก็เลยประกวด ก็ไม่ได้รางวัลใหญ่อะไร ตอนนั้นอยากเป็นดารา พอเข้าไปประกวดก็มีคนแนะนำให้รู้จักกับคนนั้นคนนี้ แล้วก็มาเจอผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ตอนแรกก็ไปทานข้าวกันหลายๆคน แล้วคนที่แนะนำเรานั่นล่ะ ก็มาบอกว่าเขาชอบนะ คนนี้นะใจดี แล้วก็ใจกว้างด้วยถ้าเราเอาใจเขานะรักตายเลย เราก็เข้าใจนะว่าหมายความว่าอย่างไร

ตอนนั้นเราก็เห็นเขาน่ารักด้วยน่ะ เพราะเป็นผู้หใหญ่ใจดี ก็ตกลง ช่วงนั้นชีวิตมีความสุขดี ต้องบอกว่าสบายด้วยได้ไปเที่ยวโน่นที่นี่ ไปอยู่โรงแรมหรูมากๆ ชีวิรนี้ให้ไปเองคงไม่มีปัญญา เดี๋ยวก็ไปชอปปิ้งฮ่องกง ไปเที่ยวยุโรป เราก็รู้ว่าเขามีเด็กๆคนอื่นอีก แต่เราเด่นสุด คนของเขาก็รู้ว่าเรานี่เด็กโปรด

เรื่องบ้านใหญ่กับภรรยาเขาเราไม่เกี่ยว พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็เจอกันน้อยลง เขาก็มาหาบ่อยนะคะ แต่ปรางไม่ค่อยว่าง ต้องเรียนแล้วก็ไปกับเพื่อนบ้าง ปรางไม่อยากขาดเรียนเลยไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนแล้ว พอช่วงหลังๆเขามาหาน้อยลง รู้ว่าเขามีเด็กใหม่อีกแล้วเราก็มีงอนนะ ก็มีประชดประชันบ้าง ปรางก็รู้แล้วว่าตัวเองคงเริ่มตกรุ่น

ปรางมองว่าทุกอย่างมันผ่านไปแล้วก็น่าจะผ่านไปเลย ไม่ต้องไปเก็บมาคิดอีก แต่ปรางลืมไปว่ามีบางคนที่เรารู้จักเราแล้วก็ยังเอาไปคิดอยู่ “ปรางเคยเจอกับตัวครั้งหนึ่งก็ตอนที่ปรางมีแฟนแล้ว แฟนปรางเป็นทนายความ ปรางเคยไปทานข้าวกับลูกค้าเขา ปรากฎว่าเป็นเพื่อนของผู้ใหญ่คนนั้น เขาจำปรางได้ เพราะเราเคยไปเที่ยวยุโรปด้วยกัน

ตอนนั้นเขาเอาเด็กของเขาไปเหมือนกัน เขาก็ทักทายเราอย่างเต็มที่ว่าเป็นไง สบายดีหรือ แฟนปรางก็งงว่ารู้จักลูกค้าเขาด้วยเหรอ เราก็เลยบอกว่ารู้จักตอนประกวดนางงาม มื้อนั้นเป็นมื้อที่ปรางทรมานที่สุด เขาชอบมองปรางแล้วก็ยิ้มๆแบบรู้ทัน ปรางเกลียดยิ้มแบบนั้นที่สุด แล้วตอนที่ทนไม่ได้ที่สุดก็ตอนใกล้จะกลับเขาเอามือมาจับที่ขาปรางที่ใต้โต๊ะ มันเหมือนโดนตบหน้าเลย แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่า นั่นมันมาจากตัวเรานี่เอง”
ที่มา http://tomdy.narak.com By : ตะวันสีทอง

13 thoughts on “นักศึกษาขายบริการ”

  1. คลิป นักศึกษา ขายตัว ในญี่ปุ่น
    เป็นสารคดีที่ทำขึ้นมาครับ
    เขาว่าเริ่มตั้งแต่อายุ 14 มัธยมอยู่เลยครับ
    คือการไปเดทกับผู้ชายเพื่อแลกกับเงิน
    นี่คือโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปครับ
    ความเจริญทางวัตถุจำเป็นต้องเสียอย่างอื่นไปครับ
    http://atcloud.com/stories/22328

  2. คลิปสาวเวียดนาม เร่ขายบริการทางเพศ
    http://atcloud.com/stories/71076

    ผู้ จัดการออนไลน์ — วันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจกรุงฮานอยได้ออกกวาดล้างแก๊งหญิงขายบริการทางเพศที่สมคบกันรูดทรัพย์ นักเที่ยวได้กว่าสิบคน ในนั้นมี 2 คนถูกจับได้อย่างคาหนังคาเขา ขณะฉกกระเป๋าเงินโทรศัพท์มือถือกับทรัพย์สินของลูกค้าพยายามหลบหนีออกจาก โรงแรม

    นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาที่กำลัง ลุกลามบานปลายใหญ่โต และทางการกรุงฮานอยได้สั่งการเฉียบให้ท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศต้องเร่งปราบปราม

    ตำรวจได้สะกดรอยหญิง โสเภณีกลุ่มนี้มาเป็นเวลานาน และวางแผนจู่โจมโดยสะกดรอยตามนักเที่ยวสองคนที่ไปรับหญิงโสเภณีทั้งสองจาก สี่แยกถนนกิงเดื่องเวือง (Kinh Duong Vuong) ในเขต 6 ของกรุงฮานอย จากนั้นได้ซ้อนท้ายจักรยานยนต์กันไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่ถนนเลเติ่นโหมว (Le Tan Mau) ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป

    หญิงสาวทั้งสองคน ฉวยโอกาสในช่วงที่หนุ่มนักเที่ยวทั้งสองเข้าห้องน้ำ ฉกกระเป๋าเงินและของมีค่าพยายามหลบออกจากโรงแรม แต่เจ้าหน้าที่เข้าไปแสดงตัวจับกุมเอาไว้ได้ทัน

    จากนั้นตำรวจได้ระดมกำลังเข้าจับกุมหญิงโสเภณีแก๊งนี้ได้ทั้งหมดกว่า 10 คน โดยมีหญิงสาววัย 27 ปีเป็นหัวหน้า

    กรุง ฮานอยเผชิญหน้ากับปัญหาหญิงขายบริการทางเพศที่ใช้ริมถนนสายสำคัญ เป็นแหล่งพบปะลูกค้า เมื่อเจ้าหน้าที่สายตรวจไปยังบริเวณเหล่านั้นทุกคนก็จะสลายตัวไป แต่ไม่นานก็จะกลับไปรวมกันใหม่ตามถนนสายอื่นๆ ทำให้ยากต่อการปราบปราม

    บ้างก็รวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ทำตัวเป็นแก๊งเด็กแว้นกับสก๊อยซ์เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

    บางจุดมักจะมีคุณผู้ชายคอยคุมอยู่***งๆ คอยดูลาดเลาความปลอดภัย ร่วมมีผลประโยชน์

    ร้านเสริมสวยนี้ไม่มีอุปกรณ์เสริมความงามแม้แต่ชิ้นเดียว มีชายฉกรรจ์ยืนคุมเชิงที่หน้าร้านด้วย
    ปัจจุบัน ปัญหาการค้าประเวณีซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่แล้วกำลัง ลุกลามบานปลายไปเป็นปัญหาอาชญากรรมที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น และเรื่องนี้กำลังลุกลามไปยังนครและจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ

    ปลาย เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา กรมควบคุมอาชญากรรม กระทรวงความมั่นคงภายในได้ออกวิจารณ์ทางการท้องถิ่นต่างๆ ที่ปล่อยให้ปัญหาโสเภณี ลุกลามและเพิกเฉยไม่ได้ทำการปราบปรามอย่างจริงจัง

    กระทรวง ความมั่นคงภายในได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรุง ฮานอย และเรียกร้องให้ทางการจังหวัดและนครกวาดล้างโสเภณีอย่างจริงจัง ทั้งระบุว่าปัจจุบันมีแหล่งซ่องสุมการค้าประเวณีท้าทายกฎหมายอยู่ประมาณ 200 แห่งทั่วประเทศ

    นายเลดึ๊กเฮียน (Le Duc Hien) รองอธิบดีกรมควบคุมอาชญากรรมได้วิจารณ์เจ้าหน้าที่ จ.นาม*** (Nam Ha) ***ซยาง (Ha Giang) กับ จ.ลายโจว (Lai Chau) กล่าวหาอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่เอาใจใส่ในการแก้ปัญหาการค้าประเวณี และยกตัวอย่าง จ.นาม*** ซึ่งเมื่อปีที่แล้วใช้งบประมาณเพียง 18 ล้านด่ง (1,100 ดอลลาร์) เพื่อการนี้

    ปีที่แล้วทั่วประเทศมี การดำเนินการกับหญิงโสเภณี 390 รายเท่านั้นขณะที่ทางการมีชื่อในทะเบียนประวัติกว่า 20,000 คน แต่คาดว่าจำนวนทั้งหมดน่าจะมีมากถึง 50,000-60,000 คน

    ที่ ผ่านมาทางการในหลายท้องถิ่น รวมทั้งนครโฮจิมินห์ จ.กว๋างนิง (Quang Ninh) ก่าเมา (Ca Mau) และ จ.จ่าวิง (Tra Vinh) ได้เอาใจใส่ในการแก้ไขปัญหานี้เป็นอย่างดี สามารถปราบปรามแก๊งค้าหญิงและแก๊งจัดหาหญิงบริการกลุ่มใหญ่ได้หลายครั้ง

    กระทรวง ความมั่นคงฯ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันได้พบเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมากได้กลายเป็นลูกค้าของหญิงขายบริการ ทางเพศเสียเอง แต่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เมื่อถูกจับได้ก็จะได้รับโทษเพียงถูกปรับ ซึ่งตามระเบียบปฏิบัติแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องรายงานไปยังต้นสังกัดของ เจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิด

    ปัจจุบันการค้าประเวณีได้ทำ โดยแอบแฝงในรูปแบบต่างๆ หลากหลาย เช่น ร้านอาหารหลายแห่งเปิดบริการ “อ๊อฟ” พนักงานในร้าน หรือ บางแห่งเป็นร้านอาหารที่เปิดบังหน้าเพื่อจัดหาหญิงสาวให้บริการแขกในโรงแรม โดยเฉพาะในราคาตั้งแต่ 30-40 ดอลลาร์ บางแห่งเปิดเป็นร้านเสริมสวยตบตาเจ้าหน้าที่ แต่ภายในไม่มีอุปกรณ์เสริมความงามใดๆ แม้แต่ชิ้นเดียว

    ปัญหา การค้าประเวณีในปัจจุบันมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการแอบแฝงตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีนับร้อยๆ แห่งทำให้ยากแก่การปราบปราม

    สถานเริงรมณ์ ตามค้อฟฟีช้อป ดิสโกเธค กระทั่งในโรงแรมหรือตามคลับระดับหรูก็ยังเป็นสถานที่โสเภณีอีกระดับหนึ่งแอบ แฝงในการขายบริการ

    เว็บไซต์นี้เคยเสนอขายบริการโจ่งครึ่มมี “สินค้า” ให้เลือกมากมาย ทางการสั่งปิดไปแล้ว

    แต่บางแห่งก็ยังอยู่..กลุ่มที่ขายบริการออนไลน์มี “สเป็ค” ให้ลูกค้าได้เลือกตามรสนิยมด้วย

    เจ้าของเว็บแคมนี้อายุน่าจะยังไม่มาก แต่กล้าท้าให้พิสูจน์

    กลุ่มที่ค้าออนไลน์นี้เป็นปัญหาใหม่ กระทรวงความมั่นคงยอมรับแก้ยากจริงๆ
    ทาง การยังพบว่า มีเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจำนวนมากได้เข้าสู่งานขายบริการทางเพศเนื่อง จากต้องการเงินไปซื้อสิ่งของเครื่องใช้ฟุ่มเฟือยต่างๆ

    บาง คนใช้วิธีเปิดเว็บแคมเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นตัวตนหรืออย่างที่จะ ให้บริการ ก่อนจะติดต่อออนไลน์กันอีกหลายทอด ทำให้ติดตามได้ลำบาก

    ทาง การยอมรับว่า ปัจจุบันมีนักเรียนนักศึกษาเข้าสู่งานขายบริการทางเพศจำนวนมาก ในช่วงปีใกล้ๆ นี้ในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ ตำรวจสามารถปราบปรามแก๊งนักเรียนและนักศึกษาขายบริการได้หลายครั้ง รายงานของกระทรวงความมั่นคงระบุ

    พรรคคอมมิวนิสต์ เวียดนาม จัดให้เป็นหนึ่งในสาม ?ความชั่วร้ายทางสังคม? เช่นเดียวกับปัญหาการคอร์รัปชันและยาเสพติด และเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดการแก้ไขมาตลอดช่วงหลายปีมานี้

  3. ก้อย 40 บาท……….นักศึกษาขายบริการทางเพศด้วยเงินเพียง 40 บาท
    กลาย เป็นที่รู้กันทั่วไปในจังหวัดจันทบุรี และถูกพูดถึงต่อๆ กันในโลกไซเบอร์เป็นวงกว้าง สำหรับเรื่องราวที่วัยรุ่นสาวในอำเภอรอบนอกของจังหวัด ซึ่งว่ากันว่าเป็นนักเรียน ปวช. ในสถาบันอาชีวะศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.จันทบุรี ตกเป็นข่าวลือว่าติดเชื้อเอชไอวี หรือโรคเอดส์ หลังหญิงสาวรายนี้ถูกโจษจันจากวัยรุ่นในจังหวัดว่า มีอาชีพขายบริการทางเพศด้วยเงินเพียง 40 บาทเท่านั้น

    ที่มาที่ไปของเรื่องนี้จาก “คำบอกเล่า” ปาก ต่อปากของวัยรุ่นหลายคน แม้อาจจะเป็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่มีหลักฐานเป็นที่แน่ชัด แต่ก็กลายเป็นที่เลื่องลือจนปิดไม่อยู่ และชาวบ้านหลายคนเฝ้าติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด ถึงกระนั้นผู้อ่านโปรดใช้ “วิจารณญาณ” กับเรื่องที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ …

    เรื่อง เล่ามีอยู่ว่า ก่อนที่จะตัดสินใจประกาศตัวขายบริการทางเพศ ย้อนไปในช่วงที่หญิงสาวผู้นี้เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด ขณะที่เรียนอยู่ชั้น ม.2 ได้คบหากับเพื่อนชายซึ่งเป็นนักเรียนในสถาบันอาชีวะศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัด กระทั่งวันหนึ่งแฟนหนุ่มได้ ” ชักชวน” ให้เข้า “โรงแรมม่านรูด” ด้วยความรักหญิงสาวผู้นี้จึงตกลงปลงใจไปกับเขา

    แต่ หลังจากที่ทั้งคู่มีเพศสัมพันธ์กันจนสำเร็จความใคร่ แฟนหนุ่มคนนี้กลับโทรศัพท์เรียกพรรคพวกประมาณ 10 กว่าคนเข้ามาในห้องพัก กระทำการข่มขืนหญิงสาวคนนี้ในลักษณะ “รุมโทรม” เวียนเทียนจนกระทั่งเสร็จกิจครบทุกคน

    เวลาผ่านไป เมื่ออาการของเธอทรุดโทรมลง จึงได้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ด้วยความกังวลว่าจะเกิดการ “ตั้งครรภ์” อันไม่พึงประสงค์ แม้ผลการตรวจจะไม่พบว่าเธอตั้งครรภ์ แต่เมื่อแพทย์ทำการตรวจเลือด กลับพบว่า หญิงสาวผู้นี้มี “เชื้อเอชไอวี” ในกระแสเลือด คาดว่าอาจจะเกิดมาจากช่วงที่ถูกรุมโทรมในโรงแรมม่านรูดแห่งนั้น 1 ในสิบกว่าคนอาจจะเป็นผู้ที่แพร่เชื้อมาให้

    ด้วยความ “โกธรแค้น” และ “เจ็บปวด” ที่เกิดขึ้นในชีวิต เมื่อได้เข้าศึกษาต่อระดับ ปวช.ในสถาบันอาชีวะศึกษา ซึ่งเป็น “โรงเรียนเดียวกับแฟนเก่า” ว่ากันว่า หญิงสาวผู้นี้ตัดสินใจประกาศขายบริการทางเพศ โดยรับทั้งประเภทคู่ “ตัวต่อตัว” และโดยเฉพาะประเภท “เซ็กส์หมู่” ตั้งแต่ครั้งละ 10 คนจนกระทั่งเวียนเทียนสูงถึงครั้งละ 20-30 คน โดยคิดค่าตัวเริ่มต้นเพียงคนละ 40 บาท 10 คนเพียง 300 บาทเท่านั้น ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นชายที่ศึกษาทั้งในระดับ ปวช.และ ปวส.สถาบันอาชีวะศึกษาเดียวกัน เฉพาะแผนกช่างเป็นที่ถูกโจษจันมากที่สุด

    ลักษณะ รูปพรรณของหญิงสาว ตามคำบอกเล่านั้น เป็นคนที่มีรูปร่างผอม หน้าตาอวบ ผิวสีธรรมดา มักจะใส่กางเกงขายาวเพราะขาลาย ด้วยลักษณะหน้าตาดีนี่เองจึงเป็นที่ดึงดูดของวัยรุ่นในจังหวัด เป็นที่มาของคำว่า “ก้อย 40 บาท” อันเลื่องชื่อในจังหวัดจันทบุรี

    ต่อ มาเมื่อมีการพูดถึงในหมู่วัยรุ่นชายมากขึ้น จึงมีลูกค้ามากหน้าหลายตาร่วมวงด้วย ตั้งแต่วัยรุ่นที่ศึกษาในสถาบันเดียวกัน นักเรียนชายระดับมัธยมศึกษาต่างโรงเรียน ผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ลูกจ้างชาย พนักงานบริษัทต่างๆ รวมทั้งข้าราชการภายในจังหวัดที่มีรสนิยมชอบมีเพศสัมพันธ์กับสาววัยรุ่น บางคนที่เดินทางจาก “กรุงเทพฯ” ก็ยังร่วมซื้อบริการทางเพศกับเธออีกด้วย บ้างก็ว่ามี “คลิปวีดีโอ” ถ่ายทำขณะมีเพศสัมพันธ์ออกเผยแพร่ แต่ยังไม่เป็นข่าวมากนัก

    ทั้ง นี้ เมื่อมีผู้ชายมากหน้าหลายตามีเพศสัมพันธ์ แต่ไม่ได้พกถุงยางอนามัยมา หญิงสาวคนนี้ก็มักจะเตรียมถุงยางอนามัยให้ลูกค้าแต่ละคน ซึ่งทราบภายหลังว่าถุงยางแต่ละชิ้นที่แจกให้กับลูกค้า คาดว่าน่าจะผ่านการ “เจาะรู” ก่อนนำมาให้ใช้

    วัยรุ่นคนหนึ่งระบุว่าขณะที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวคนดังกล่าว เมื่อสำเร็จความใคร่ กลับพบว่า “น้ำอสุจิ” ไหล ออกจากถุงยางอนามัย เมื่อถามบรรดาเพื่อนๆ ที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวคนนี้เหมือนกัน ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จะมีปัญหาน้ำอสุจิไหลออกจากถุงยางอนามัย ” เหมือนกันทุกราย” เพราะทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ก็ต้องใช้ถุงยางอนามัยที่หญิงสาวผู้นี้ “เตรียมเอาไว้ให้” โดยเฉพาะเท่านั้น จึงคาดว่าน่าจะมีการเจาะรูไว้

    นับ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 ที่ผ่านมา เมื่อชาวบ้านลือกันว่า หญิงสาวเจ้าของฉายา “ก้อย 40 บาท” ที่ขายบริการทางเพศนั้น “ติดเชื้อเอชไอวี” ทำให้ประชาชนในจังหวัดเกิดความแตกตื่นไปทั่ว โดยเฉพาะผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ในสถาบันการอาชีวะศึกษา ทั้งที่อยู่แผนกช่าง และที่เรียน ปวส.ต่างก็กังวลและหวาดผวาว่า บุตรหลานของตนจะ “ติดเชื้อเอชไอวี” ตามมาหรือไม่

    ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง สมาชิกนามว่า “SmOOth” ซึ่งอ้างว่าเป็นนักเรียนในสถาบันอาชีวะศึกษาแห่งนั้น อธิบายให้ฟังโดยสรุปว่า วัยรุ่นชายที่ตกเป็นเหยื่อของหญิงสาวคนนี้ มีประมาณ 200 คน นอกจากนี้ยังมีนักเรียนในสถานศึกษาอื่น และผู้ชายภายนอกอีก ประมาณ 400 กว่าคน

    ทั้ง นี้ยังได้จำแนกอีกด้วยว่าในกลุ่มเสี่ยง ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นชาย “ชั้น ปวส.ปี 2” ที่นิยมซื้อบริการทางเพศในลักษณะ “เซ็กส์หมู่” มีเพศสัมพันธ์เป็นหมู่คณะ ขณะนี้อยู่ในช่วงของการฝึกงานนอกสถานที่เรียน และนักเรียน ” ปวช.ปี 1″ ซึ่งมีตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป เป็นวัยรุ่นชาย “กลุ่มแรกๆ” ที่รู้จักและพาไปซื้อบริการทางเพศ จนถูกพูดถึงต่อๆ กันในสถาบัน

    ทั้งนี้ประชาชนหลายฝ่ายคาดการณ์อย่างน่าตกใจว่า น่าจะมีวัยรุ่นในจังหวัดติดเชื้อเอชไอวี “กว่า 600 คน” ทั้งๆ ที่จากการสำรวจในเบื้องต้นของสำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดจันทบุรี มีเพียงรายงานที่ส่งมาจากสถาบันอาชีวะศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัด จากการสอบถามพบว่ามี “นักศึกษา 60 ราย” ที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวรายนี้ แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีการติดเชื้อหรือไม่ เพราะทุกคนยังไม่มีใครให้ “เจาะเลือดตรวจ”

    ส่วนเด็กสาววัย 15 ปีคนนี้จะมีเชื้อหรือไม่นั้น สาธารณสุขก็ยืนยันไม่ได้เช่นกัน เพราะ “ไม่มีการตรวจเลือด”

    อย่าง ไรก็ตาม ชมรมต้านเอดส์ของโรงพยาบาลแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ได้ติดตามนักศึกษาชายที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวรายนี้มาตรวจเลือด ก็ยังไม่พบว่าติดเชื้อแต่อย่างใด

    ผู้อำนวยการสถาบันอาชีวะศึกษาที่ กล่าวขวัญชี้แจงว่า เรื่องนี้ถูกพาดพิงหลังจากที่ให้นักเรียนหญิงคนหนึ่งออกจากโรงเรียน ซึ่งเพิ่งเข้าศึกษาต่อในระดับ ปวช.1 สถาบันแห่งนี้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 ที่ผ่านมา แต่พบว่ามีการ “ขาดเรียนบ่อยครั้ง” จนหมด สิทธิ์สอบ (บางแหล่งข่าวระบุว่ามีผลการเรียน ร. 6 วิชา) อีกทั้งยังพบว่ามีพฤติกรรมสูบบุหรี่ (บางแหล่งข่าวระบุว่าเสพกัญชา) จึงเชิญผู้ปกครองมาพบ ทั้งนี้หลังจากที่ได้พบปะหารือ ผู้ปกครองจึงตัดสินใจนำตัวนักเรียนสาวคนนี้ “ลาออกจากโรงเรียน” โดยระบุว่าจะนำนักเรียนคนนี้ไปดูแลที่กรุงเทพฯ

    นอก เหนือจากเรื่องที่นักเรียนหญิงคนดังกล่าวแล้ว กระแสข่าวที่พบว่ามีนักเรียนชายในสถาบันแห่งนี้ลาออกกว่า 100 คนเพราะติดเชื้อเอชไอวี ผู้อำนวยการคนดังกล่าวชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เหตุที่นักเรียนลาออกเป็นจำนวนมากเพราะเกรดเฉลี่ยไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดแต่ละ ระดับชั้นคือปวช 1 2 3 ตามลำดับ จึงต้องให้ลาออกจากสถาบันไป

    “… หลังจากนักเรียนหญิงคนดังกล่าวออกไปแล้ว ก็เกิดข่าวลือทั้งจังหวัด ส่วนนักเรียนชายจะมีใครติดเชื้อหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าไม่มีครูคนใดติดเชื้อเอดส์ …”

    ทั้งนี้ยัง กล่าวว่าสถาบันนั้นมีหน้าที่ให้ความรู้ แต่ไม่สามารถเข้าไปข้องเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของนักศึกษาได้และปัญหาที่เกิด ขึ้นถือว่าเป็นปัญหาสังคมที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันป้องกัน แก้ไขและสอดส่องดูแลเยาวชนไม่ให้ประพฤติตนหรือปฏิบัติตนไปในทางที่ไม่เหมาะ สม

    “… เหตุการณ์ที่เป็นเรื่องราวขึ้นมา น่าจะเป็นข้อคิดของเยาวชนให้ระมัดระวังตัวในการใช้ชีวิต และเป็นปัญหาของคนทุกฝ่ายต้องเข้ามาช่วยกันดูแล ไม่ว่าจะเป็นหอพัก บ้านเช่าต่างๆ ที่เยาวชน หรือนักศึกษามักไปเช่าพักกันอยู่ โต๊ะสนุกเกอร์ อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ร้านเกมต่างๆ อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันกวดขัน มิฉะนั้นก็จะเกิดปัญหาไม่สิ้นสุด …”

    แม้จะไม่สามารถ พิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดในวันนี้ว่า เชื้อเอชไอวีจะเกิดขึ้นกับหญิงสาวคนนี้จริงหรือไม่ และวัยรุ่นในจังหวัดจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีตาม “คำร่ำลือ” ของคนในจังหวัดจริงหรือ แต่ความจริงที่เกิดขึ้น กับสภาพสังคมโดยทั่วไปในจังหวัดจันทบุรี ซึ่ง “ไม่แตกต่าง” ไปจากจังหวัดอื่นๆ

    “ปัญหาวัยรุ่นมั่วสุม” กับแหล่งอบายมุขที่มีอยู่เต็มเมือง อีกทั้งวัยรุ่นชายตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป ต่างก็มีเพศสัมพันธ์

    อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=936984#ixzz1Ey5bs0bE
    เครดิต http://www.fwdder.com
    หมายเหตุ : เจตนาการนำเสนอเรื่องนี้ เป็นไปด้วยวัตถุประสงค์เพื่อรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในสังคมของจังหวัดๆ หนึ่ง เพื่อให้เกิดการตอบสนองต่อสังคม อันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น มิได้มีเจตนาที่จะทำให้บุคคล ประชาคมในจังหวัด และสถาบันที่เกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง

  4. เปลือยชีวิตนักศึกษาขายบริการ “หนูทำไปเพราะความจำเป็น!”
    เปลือยชีวิต…”นักศึกษาขายตัว”

    … หลัง จากเปิดใจเรื่องเจ้าพ่อสวิงกิ้งไปแล้ว อาทิตย์นี้ ลัลลา ขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับนักศึกษาขายบริการ ซึ่งมีให้เห็นเยอะมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชน สำหรับนักศึกษาสาวคนนี้ ระหว่างลัลลาพูดคุยกับเขา เขาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวอยู่ในคุกของสน.คลองตัน ซึ่งลัลลาต้องขอร้องเขานานมาก กว่าเขาจะยอมมาเกาะลูกกรงเพื่อให้ลัลลาสัมภาษณ์ และถ่ายรูป น้องเขาให้ความร่วมมือดี นั้นอาจเป็นเพราะ เขากำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับที่ลัลลาจบมา เห็นมั้ยค่ะ ว่า มันเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า นักศึกษารุ่นน้องของลัลลาเอง หลายคนกำลังประกอบอาชีพนี้ เพื่อหาเงินไปเป็นค่าเล่ารียน ….มาเริ่มเรื่องเถอะค่ะ

    เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 49 โดย พ.ต.อ.สุรัศมิ์ อุดมรัตน์ ผกก.กก.สด. นำกำลังเข้าจับกุม น้องหญิง วัย 23 ปี นักศึกษาสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่ง น้องพร (นามสมมติ) อายุ 16 ปี น้องเจน (นามสมมติ) อายุ 16 ปี น้องภา (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และ น้องเพ็ญ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ทั้งหมดถูกจับกุมได้ในโรงแรมแห่งหนึ่งริม ถ.พระราม 9

    ” น้องหญิง” โดนแจ้งข้อหาเป็นธุระจัดหาเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อการค้าประเวณี ส่วนน้องๆ อีก 4 คน ตำรวจนำส่งบ้านเกร็ดตระการ เพื่อดูแลและฝึกอาชีพให้

    “น้องหญิง” ในฐานะผู้พาน้องๆ ทั้งหมดมารอให้บริการลูกค้า ย้อนเส้นทางชีวิตว่า พ่อแม่มีอาชีพขายเลือดหมู แต่พ่อติดการพนันอย่างหนัก ทำให้ครอบครัวไม่ค่อยมีความสุขเท่าที่ควร แม้เธอจะโตเป็นสาว พ่อก็ยังไม่ทิ้งลาย พอเธอเรียนอยู่ปี 2 ย่าได้โอนที่ดินให้ พ่อก็เอาไปขายได้เงินมาหลายแสน ช่วงแรกยังต่อเติมบ้าน ซื้อรถ ตามปกติ แต่ตอนหลังก็เล่นพนันจนหมดตัว

    จาก นั้นบ้านและรถก็โดนยึดหมด จนต้องย้ายมาอยู่บ้านน้า ส่วนแม่ก็ยังไม่ยอมทิ้งพ่อ แต่เลือกที่จะทิ้งเธอและน้องชายอีก 2 คน…อย่างไม่ไยดี!?

    น้อง หญิง เล่าว่า ตอนนั้นเธอและน้องชายอีก 2 คน ลำบากมาก ก่อนหน้านี้เคยได้เงินใช้สัปดาห์ละ 500 บาท ไม่รวมค่ารถไปกลับ แต่พอไม่มีเงินจึงต้องดิ้นรนช่วยเหลือตนเองมาโดยตลอด กระทั่งมาเจอกับแฟนของน้องชาย อายุแค่ 14 ปี ซึ่งเคยทำอาชีพนี้มาก่อน จึงแนะนำให้ลองทำ

    ” พอแฟนน้องชวน หนูก็สนใจเพราะเห็นว่าไม่เสียหายอะไร ก่อนหน้านี้เคยเสียตัวให้แฟนตั้งแต่ ม.4 เลยคิดว่าต้องทำเพราะความจำเป็นบังคับ แถมทำงานตรงนี้ยังได้เงินเยอะ และไม่เหนื่อยอะไรมาก อยากได้เงินวันไหนก็ทำงาน ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่ต้องทำ”

    น้อง หญิง อธิบายรูปแบบการทำงานว่า “ส่วนมากหนูจะรับแขก สัปดาห์ละไม่เกิน 5 วัน ทำงานครั้งละ 3 ชั่วโมง แขกเสร็จเมื่อไรก็เลิก ถ้าอยากทำต่อก็ว่ากันอีกที ที่หลับนอนก็หาเอาม่านรูดแถวปากเกร็ด เสียค่าโรงแรม 250 บาทต่อชั่วโมง เวลาเข้าม่านรูด แขกไม่ค่อยกล้าเบี้ยวเงินเพราะถ้าหนูโวยวาย รับรองเป็นเรื่อง”

    ” มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยรับแขกหน้าตาดูไม่ได้เลย แถมยังตัวใหญ่น่ากลัวมาก ตอนนั้นไปกับเพื่อน 2 คน ทีแรกก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีเงินรึเปล่า พอเขาจับไต๋ออกว่าเราไม่ค่อยเชื่อใจ เลยรีบควักเงินออกมากองนับได้ 2 แสนบาท หนูก็เลยยอมเขาแบบ 2 รุม 1 เพราะเงินตัวเดียว”

    บาง ทีรู้สึกท้อมาก โดยเฉพาะเวลาเจอแขกทำทารุณ หรือไม่สุภาพ ต้องขอตัวกลับบ้าน ตัดใจไม่เอาเงินดีกว่า เวลาแขกติดต่อหนู จะติดต่อได้ทางโทรศัพท์ ไม่ต้องผ่านนายหน้าเลยไม่โดนหักเงิน แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ผ่านนายหน้า มักโดนหักค่าตัวเยอะ เขาชอบอ้างว่าคนโน้นคนนี้ติดต่อมาอีกที เลยหักกันเป็นทอดๆ จนแทบไม่เหลือสักบาท

    นาย หน้าที่ดีๆ ก็มี เช่น ป้าคนหนึ่งอยู่แถวปากเกร็ด เขาจะติดต่อแขกดีๆ มีทิปหนักๆ ให้ โดยเฉพาะพวกนักการเมืองจะให้หนักเป็นพิเศษ ส่วนอีกคนชื่อ “เหมียว” เป็นนายหน้าแถวสะพานควาย

    ” เหมียว” เขาจะพาพวกหนู ซึ่งเป็นเด็กนักศึกษาจากหลายสถาบันไปให้ผู้ชายคนหนึ่งดูตัว เราชอบเรียกกันว่า “คุณอา” คุณอาจะคัดตัวเด็กที่พี่เหมียวหามาให้ ใครคัดตัวไม่ผ่านจะได้ 500 บาท ส่วนใครผ่านจะได้ 1,000 บาท คุณอาจะเลือกเด็กหน้าตาไม่สวยมาก โดยเฉพาะเด็กที่ฐานะยากจน เพื่อส่งเสียให้เรียนต่อ

    สำหรับข้อหาฐานเป็นธุระจัดหา…ตั้งตัวเป็น “แม่เล้า” นั้น น้องหญิง ปฏิเสธว่า

    ” หนูอายุแค่ 23 ปี เด็ก 17-18 ปี ที่ไหนมันจะเชื่อหนู อย่างมากก็แค่ชักชวนเพื่อนๆ ที่เจอกันตอนร่วมงาน แลกเบอร์เผื่อเวลามีลูกค้าแนะนำกัน ใครเดือดร้อนก็ช่วยเหลือ แต่ก็รู้ดีว่าแก้ตัวไม่ขึ้น เพราะเงินล่อซื้อมันคามือหนูอยู่ แต่ยืนยันได้ว่าเด็กทุกคนไม่มีใครถูกบังคับ ทุกคนเต็มใจหมด”

    น้อง หญิง เล่าว่า ชีวิตเด็กที่ถูกจับแต่ละคนน่าสงสารมาก บางคนพ่อแม่ตายหมด ต้องเลี้ยงดูน้องสาวที่เป็นใบ้ตามลำพัง เลยต้องขายตัวตั้งแต่ ม.ต้น เพราะความจำเป็นบีบบังคับ

    ” ผู้หญิงที่ไหนอยากจะเสียตัวให้ผู้ชายที่ไม่ใช่คนที่ตัวเองรักฟรีๆ ล่ะพี่ หนูเองก็มีแฟน ก่อนที่จะถูกจับเขาไม่เคยรู้ว่าหนูขายตัว แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว หนูก็เสียใจเหมือนกัน แต่ทำไงได้ในเมื่อเราไม่มีเงิน อีกอย่างพี่สาวที่เป็นญาติกันเขาเพิ่งเรียนจบกำลังตกงาน หนูเลยต้องแบ่งเงินให้เขาใช้ แถมต้องให้น้องชายอีก 2 คนด้วย ใครขออะไรหนูให้หมดเพราะเงินมันได้ง่าย แม้ว่าหนูต้องฝืนใจทำงานบ้างในบางครั้ง”

    น้อง หญิง แฉด้วยว่า บ่อยครั้งแขกของเธอมักอ้างว่า เป็นตำรวจระดับผู้กำกับหรือสารวัตร แต่เธอไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเป็นตำรวจ “จริง” หรือ “ปลอม” เพราะแต่ละคนจะเก็บงำชื่อเสียงเรียงนามอย่างมิดชิด กลัวเรื่องจะลามมาถึงตัวเอง!

    ลัล ลาถามว่า กลัวเพื่อนที่เรียนด้วยกันรู้ความจริงไหม? น้องหญิง ตอบว่า กลัวเหมือนกัน แต่คงไม่มีใครรู้เพราะหน้าตาไม่ได้สวยอะไรมากนัก ไม่เหมือนเด็กมหาวิทยาลัยเอกชนดังๆ ที่มีแต่สวยๆ ทั้งนั้น ด้วยความเจียมตัวเลยต้องยอมทำงานเฉพาะย่านปากเกร็ดบ้านตนเองเท่านั้น

    ” หนูไม่รู้เหมือนกันว่า สถาบันที่หนูเรียนอยู่ จะมีใครทำอาชีพเดียวกันหรือเปล่า เพราะคงไม่มีใครยอมเปิดตัว แต่สำหรับหนู ป่านนี้เพื่อนคงรู้หมดแล้ว เสียดายอุตส่าห์ส่งตัวเองมาจนใกล้จบ แต่พอเจอคดีแบบนี้ก็จบกัน”

    เธอ บอกด้วยว่า เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเอกชนดังๆ มีเสี่ยเลี้ยงเยอะแยะ ได้เงินดีด้วย แค่ไปเดินควงแขนกันตามห้างก็ได้เงินครั้งละ 2,000-3,000 บาท ถ้ามีอะไรกันก็ยิ่งได้เยอะ พวกนี้ต้องเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง พยายามอัพตัวเองเพื่อให้ดูดี ถูกใจแขกกระเป๋าหนักอยู่ตลอด

    สำหรับบทสัมภาษณ์น้องหญิง ไม่มีใครรู้ว่า สิ่งที่เขาพูด มันเกิดกับชีวิตเขาจริงๆ หรือเพียงแค่แต่งเติมให้รู้สึกว่า “จำเป็นที่ต้องประกอบอาชีพนี้” ยังมีนักศึกษาสาวอีกหลายคนที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อนความสบาย ยอมเป็นบ้านเล็กของบรรดาเสี่ยทั้งหลาย ให้เขาซื้อคอนโดและรถหรูให้ขับ …. มันเป็นค่านิยมไปแล้วค่ะ อยากได้อยากมี อยากแข่งขันกันใช้ของแพงๆซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีเลย คงโทษผู้ปกครองของเด็กไม่ ได้ เพราะบางคนเกิดมาในพื้นฐานครอบครัวที่ดี แต่มาเสียเพราะความเป็นตัวเอง ….. ใครจะรู้ บางทีคนรอบข้างของคุณอาจจะกำลังประกอบอาชีพนี้อยู่ก็เป็นได้ นะค่ะ

  5. นักศึกษาขายบริการ
    ผม ป็นคนหนึ่งที่อยู่กับโลกออนไลน์ทั้งวัน และทุกครั้งจะมีน้อง ๆ ร่วมสถาบันแอดมาในเฟสบุ๊ค ส่วนใหญ่น้องผู้ชาย มาทักทายและคุยกันตามปกติ และเสนอตัวเองให้เลี้ยงดูเป็นรายสัปดาห์บ้าง รายเดือนบ้าง บางคนหน้าตาดีมากๆ เป็นถึงเดือนคณะ บางคนหุ่นดีก็เอามาเป็นจุดขายตรงนี้ ทำไมสังคมปัจจุบันนักศึกษาชายถึงได้กล้าทำงานพิเศษกันแบบนี้แล้วหรือครับ เสียชื่อเสียงสถาบันของเราหมดเลย ไม่พอคุณยังจะภูมิใจไหมครับที่ยืนถือใบปริญญาในวันเรียนจบด้วยเงินที่คุณหา มาแบบนี้

    http://webboard.cmupark.com/2010/viewtopic.php?f=2&t=579

  6. ตีแผ่นักศึกษาขายตัวมากขึ้น
    เฮ้อ! – นักเรียนและนักศึกษาขายบริการกันมากขึ้น วัยรุ่นสาวในสถานศึกษาบางแห่งเก็บคลิปการมีเพศสัมพันธ์ของตนไว้เป็นแต้มสะสม เพื่ออวดเพื่อน รวมทั้งโชว์ลูกค้าที่จะมาซื้อบริการจากตน โอ๊ย!

    http://www.love.matethai.com/sex_places/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99/

Leave a Reply