ขายตัว ริมถนน

ขายตัว ริมถนน
สลด!!สาวท้อง 5 เดือน เร่ ขายตัว ริมถนน
ข่าว สลด สาวท้อง 5 เดือน เร่ ขายตัว ขาย เซ็กส์ sex ริมถนน เจ้าตัวเผยสามีทิ้ง ไม่มีเงินค่าเช่าบ้าน ค่านมเลี้ยงลูกและแม่ จึงตัดสินใจไปยืน ขายตัว ขาย เซ็กส์ sex ที่หน้า โรงแรมสยาม ก่อนถูกตำรวจจับ

เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มักกะสัน เข้าปิดล้อมบริเวณหลังโรงแรมสยาม เพื่อจับกุมหญิงสาวที่มายืนเตร็ดเตร่ขายบริการทางเพศกับนักเที่ยวยามราตรี พบกลุ่มหญิงสาวหลายสิบคนกำลังรอหาลูกค้าอยู่ริมถนน ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมหญิงสาวอายุระหว่าง 20-30 ปี ได้จำนวน 16 คน แจ้งข้อหาติดต่อชักชวน เตร็ดเตร่ ก่อความเดือดร้อนรำคาญ

ทั้งนี้ ขณะเจ้าหน้าที่จดบันทึกประวัติหญิงสาวที่ถูกจับกุม ปรากฏว่าพบหญิงสาว 1 ในจำนวนที่ถูกจับกุม สวมชุดเสื้อกระโปรงยาวคลุมเข่าสีชมพู ถือกระเป๋าสะพายใบใหญ่ปกปิดหน้าท้องที่ยื่นโย้ออกมาอย่างมีพิรุธ สอบสวนทราบชื่อ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ให้การว่า กำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนครึ่ง โดย น.ส.เอ ได้เล่าเรื่องทั้งน้ำตาว่า พักอาศัยอยู่กับแม่และลูกสาววัย 3 ขวบครึ่งที่บ้านเช่า ตนถูกสามีทิ้งไปขณะกำลังตั้งท้องลูกคนที่ 2 ได้เพียงเดือนเศษ หลังทราบความจริงว่าสามีมีเมียและลูกอยู่แล้ว แถมยังเป็นนักเล่นการพนันตัวยง หลอกเอาทรัพย์สินของตนที่เก็บออมไว้ไปเล่นการพนันจนเกลี้ยง

น.ส.เอ เล่าอีกว่า เมื่อสามีทิ้งไปไม่มีเงินค่าเช่าบ้าน ค่านมเลี้ยงลูกและแม่ จึงตัดสินใจไปยืนขายบริการทางเพศ คิดค่าบริการครั้งละ 1,300-1,500 บาท โดยที่ไม่ทราบว่าตั้งท้องอ่อนๆ อยู่ แต่พอรู้ว่าก็เลิกจนกระทั่งไม่มีเงินซื้อนมให้ลูก จึงออกไปขายตัวอีกครั้งเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว โดยใช้กระเป๋าสะพายใบใหญ่ปิดบังหน้าท้องเอาไว้

“รอบ แรกมีวัยรุ่นเรียกใช้บริการ หลังตกลงราคากันเรียบร้อย พากันไปเปิดโรงแรม พอลูกค้าเห็นว่าตนท้องจึงไม่ใช้บริการและมอบเงินให้มา 300 บาท ตอนแรกจะกลับบ้านแล้ว แต่เงินไม่พอซื้อนมและข้าวของเครื่องใช้สำหรับลูก จึงกลับไปยืนรอหาลูกค้าอีก แต่มาถูกตำรวจจับ ทั้งๆ ที่พยายามวิ่งหลบหนี เพราะคิดในใจว่าถ้าไม่หนี คงไม่มีเงินเสียค่าปรับแน่นอน แต่ก็หนีไม่พ้นเพราะตนท้องโย้” น.ส.เอ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ฟังเรื่องราวชีวิตแสนเศร้าของ น.ส.เอ และทำประวัติเสร็จสิ้น ด้วยความสงสาร จึงพากันเรี่ยไรได้เงินจำนวนหนึ่งมอบให้ น.ส.เอ ไปเป็นค่าใช้จ่าย

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า รู้สึกตกใจและหดหู่ใจที่ในสังคมยังมีปัญหาอย่างนี้ เรื่องการจับกุมก็ต้องดำเนินการตามหน้าที่ ส่วนด้านการสงเคราะห์ก็ช่วยเหลือกันตามศรัทธา ด้าน การดำเนินการกับหญิงที่มาเดินเตร็ดเตร่ในเวลากลางคืนนั้น ทาง สน.มีมาตรการจับปรับอย่างต่อเนื่องทุกวัน แต่เท่าที่ดูประวัติหญิงแต่ละคนนั้นเคยถูกจับคนละหลายครั้ง เป็นความสมัครใจเพื่อมาขายบริการ สอบถามแต่ละรายอ้างว่าขัดสนเรื่องเงินทอง แต่จริงๆ แล้วส่วนใหญ่หาเงินเที่ยวเตร่ บางรายติดยาเสพติด
ข้อมูลจาก ไทยรัฐ

โรงแรมสยาม คุณรู้จักมั้ย !! 18+
“เมย์” คือชื่อเล่นที่เธอตั้งขึ้นเอง เธอกล่าวพร้อมกับทำสีหน้าแอ๊บแบ๊วว่า ตอนนี้กำลัง
เรียนอยู่วิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่จำเป็นต้องส่งเสียตัวเองเรียนจึงต้องมาหางาน
ไซด์ไลน์ทำ โดยคำชักชวนของเพื่อนๆ และเห็นว่ารายได้ดี ซึ่งแต่ละคืนสามารถ
ทำเงินได้มากถึง 3-6 พันบาท หรืออาจมากกว่านั้นแล้วแต่ขยัน

“หนูเรียนพยาบาลอยู่ รับรองว่าถูกหลักอนามัย ถ้าพี่ไปเดี๋ยวหนูให้เบิ้ลเลย ไม่คิดค่า
โรงแรมด้วย” เธอเสนอการขายชนิดที่ว่าตัดราคาคู่แข่งต่อหน้าตาต่อตา แถมยังมีโปร
โมชันพิเศษ ลดแลกแจกแถมอีกต่างหาก

ทว่าแมงดาคนเดิมยังเดินตามมากระซิบอีกว่า “อย่าไปเอาเลยพี่ ไม่เห็นเหรอว่าท้อง
โย้ซะขนาดนั้น”

…นาทีนั้นเอง รถตำรวจติดไซเรนวิ่งปราดเข้ามา เพียงชั่วพริบตาน้องเมย์ก็กระโดดผางขึ้น
ไปนั่งบนแท็กซี่ที่จอดรอพร้อมเผ่นได้ทุกเมื่อ ส่วนคนอื่นๆ ก็พากันโกยอุตลุด เป็นอันว่าคืนนี้
ต้องปิดการขายลงชั่วคราว!
ตร.ครวญ จับเท่าไหร่ก็ไม่หมด !!

บริการ “เซ็กซ์ริมทาง” ย่านโรงแรมสยาม ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นัก
ท่องราตรีว่า เป็นแหล่งรวมนักเรียน นักศึกษาสาว ที่ออกมาหารายได้พิเศษช่วงค่ำคืน
แต่เมื่อถูกตำรวจ สน.มักกะสัน กดดันอย่างหนักตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แหล่งค้ากามริม
ฟุตบาทแห่งนี้จึงไม่ใช่สวรรค์ของนักเที่ยวอีกต่อไป โดยแทบทุกคืนจะต้องมีสาวๆ ไม่ต่ำ
กว่า 10 ราย ถูกกวาดต้อนไปโรงพัก จนกลายเป็นภาพชินตาของคนละแวกนี้ไปแล้ว…

ราว 6 ปีที่แล้ว กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ระบุสถิติการจับกุมสาวค้ากามริมทาง
ย่านนี้ได้มากถึง 500 คนทีเดียว ส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปจนถึงราว 30 ปีเศษ
และข้อมูลที่น่าตกใจคือ ผู้ถูกจับกุมยังมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ

ขณะที่ตำรวจสืบสวน สน.มักกะสัน ยืนยันว่า บางรายเป็น “นักศึกษาตัวจริง” แถมบาง
รายยังมีใบหน้าสวยใสปิ๊ง สามารถเข้าสู่วงการบันเทิงได้สบายๆ!

ก่อนหน้านี้ ภาพการต่อรองราคามักอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมสยาม โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนัก
ท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ลงมานั่งฟังเพลง ส่วนเด็กไซด์ไลน์จะตั้งค่าตัวเสียสาวไว้คราวละ
1-2 พันบาท ไม่รวมค่าห้องต่างหาก เบ็ดเสร็จแล้วสนนราคาในการขึ้นสวรรค์จะตกราว
2-2.5 พันบาท

เมื่อทางโรงแรมทราบว่ามีสาวไซด์ไลน์เข้ามายึดพื้นที่เป็นแหล่งค้ากาม ทำให้เกิดมาตรการ
กดดันเด็กสาวพ้นพื้นที่ เพราะถือว่ารบกวนแขก

กระทั่งเมื่อถูกกดดันหนักเข้าก็ทำให้สาวไซด์ไลน์ต้องถอยร่นออกนอกพื้นที่ และทำให้เกิด
ศึกชิงลูกค้ากับ “หมอนวดรุ่นใหญ่” ที่ยึดหัวหาดริมบาทวิถีอยู่ก่อนแล้ว แต่เกรดของหมอนวด
อาจต่ำกว่าสาวไซด์ไลน์ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้า หากอายุมากราคาจะตกเหลือ 1 พันบาท
หากอายุไม่เกิน 25 ปี สนนราคา 1.5 พันบาท ขึ้นอยู่กับเทคนิคการเจรจา แต่ราคามาตรฐานของ
“ซ่องกลางแจ้ง” จะหยุดอยู่ที่ 1.5 พันบาท ยังไม่รวมค่าโรงแรมอีกอย่างต่ำ 300 บาท ส่วนค่า
ห้องที่โรงแรมสยาม ไม่เกิน 500 บาท

แม้เจ้าหน้าที่จะเปิดยุทธการเชิงรุกออกกวาดล้าง แต่สาวๆ ที่ยืนอ่อยเหยื่อริมทางก็จะอาศัยรถแท็ก
ซี่ขับวนรอบโรงแรมเป็นการคั่นเวลา รอจนพ้นสายตา เจ้าหน้าที่จึงวกกลับมา***ต่อ

ข้อเท็จจริงนี้ พ.ต.ท.โอภาส หาญณรงค์ สว.สืบสวนปราบปราม สน.มักกะสัน กล่าวยืนยันว่า
ตำรวจใช้มาตรการกดดันอย่างหนักทุกคืน โดยระดมตำรวจทั้งฝ่ายป้องกันและปราบปราม
ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายจราจร กระจายกำลังโดยรอบ บางคืนสามารถกวาดจับหญิง***
ได้มากถึง 100 ราย และเมื่อทางโรงแรมสยามปิดปรับปรุง สถิติการจับกุมจึงลดลงเฉลี่ยเหลือ
คืนละ 15-20 คนเท่านั้น

แม้สาวไซด์ไลน์เหล่านี้จะรู้ดีว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี
2539 มาตรา 5 ฐานติดต่อ ชักชวน แนะนำตัว ติดตาม หรือรบเร้า บุคคลตามถนนหรือสา
ธารณสถาน เพื่อการค้าประเวณี และต้องถูกตำรวจสั่งปรับโทษสูงสุดรายละ 1 พันบาทก็ตาม
แต่ก็ยังดึงดันจะขาย “ที่นาผืนน้อย” ต่อไป โดยหลังถูกปล่อยตัวจากโรงพักก็กลับมายืนซุ่ม
ตามมุมมืดเหมือนเคย

แฟ้มบันทึกประวัติจับกุมในมือของสารวัตร … จึงเป็นสาวหน้าเดิมๆ ที่เคยถูกจับมา
นับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่เข็ด และเปลี่ยนกลยุทธ์จากที่เคยออกล่าเหยื่อช่วงหัวค่ำก็
หันมารับงานช่วงหลังเที่ยงคืนไปจนถึงเกือบรุ่งเช้า ขณะที่ตำรวจก็ไม่ลดละที่จะจัด
กำลังมาสลายกลุ่มสาวขายเสียวริมทางแบบข้ามวันข้ามคืนเหมือนกัน

มันสะท้อนความรู้สึกด้วยว่า ลึกๆ แล้วก็เห็นใจผู้หญิงกลุ่มนี้ เพราะบางรายแม้ไม่ใช่นัก
ศึกษาจริง แต่มีครอบครัวและรับภาระต้องหาเลี้ยงคนทางบ้าน ฉะนั้นทางออกที่จะหาราย
ได้มาจุนเจือครอบครัวง่ายที่สุดก็คือ “จำหน่ายตั๋ว”

อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ต้องจับกุมไม่มีละเว้น แม้จะพยายามเรียกประชุมเหล่าสาวไซด์ไลน์
ให้เลิกอาชีพนี้แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถล้างระบบค้ากามให้หมดไปจากย่านนี้อย่างถอน
รากถอนโคนได้

“ตำรวจเองก็ถูกกดดันมาก เพราะไม่สามารถกวาดล้างให้หมดไปได้ง่ายๆ เข้าใจว่าเมื่อโรงแรม
สยามปิดปรับปรุงก็คงสร้างแรงกดดันได้ในช่วงแรกๆ แต่หญิง***ก็จะเปลี่ยนจุดไปเรื่อยๆ
ทำให้ตำรวจต้องไล่ตามจับกันอีก”

วัฏจักรแหล่งค้ากามริมฟุตปาทไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่สังคมยังซุกปัญหาไว้ใต้พรม และคงไม่ใช่
เฉพาะย่านนี้เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวทำนองนี้ในซอกมุมอื่นๆ เช่น แม่ค้าส้มตำหน้าหัวลำโพง สวน
หย่อมวงเวียน 22 ป้ายรถเมล์หน้ากรมรักษาดินแดน (รด.) แหล่งรวม “ไก่” รอบสวนลุมพินี
และย่านค้ากามต่างชาติ ซ.นานาเหนือ หรือกระทั่งตำนานเก่าแก่อย่าง “ผีขนุน” ริมคลองหลอด
และ สนามหลวง ฯลฯ

แนวทางแก้ปัญหาด้วยการจับกุมจึงเป็นเพียงการแก้ที่ปลายเหตุ ขณะที่ผู้ซื้อบริการยังมีจำนวน
เท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นตลอด และหากพูดให้ลึกลงไปก็คือ ปัญหาคุณธรรมจริยธรรมในสังคมไทย
กำลังถูกเขย่าให้สั่นคลอนถึงฐานรากจนยากจะเยียวยา
————–
เอามาให้อ่านกันเล่นๆ อย่าไปคิดมาก …..
เครดิต >> http://www.siamviewer.com/news/data/2219.html

ขายตัวติดเอดส์17เปอร์เซ็นต์
จากการ สำรวจจำนวนหญิงขายเฉพาะในเขต กทม.โดยกรมควบคุมโรค เท่าที่ตรวจสอบได้มีอยู่ทั้งสิ้น 18,689 ราย โดยจำนวนนี้เป็นยอดรวมโสเภณีทั้งหมด ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ป่วยโรคเอดส์รวมอยู่ด้วยร้อยละ 17 หากใครที่จะเข้าไปใช้บริการก็ควรระมัดระวังตัวให้มาก

ชีวิตโสเภณี “วงเวียน22” ขายตัว20บ. แลกอยู่รอด
อนาถ โสเภณีวงเวียน 22 ยอมพลีร่างแลกเงิน 20 บาท ซื้อข้าวประทังชีวิต สนองราคะขี้เมาซาดิสต์ จิตแพทย์ระบุหญิงขายตัวเสี่ยงป่วยโรคจิตมากกว่าคนปกติ พม.ส่งนักสังคมสงเคราะห์ฝึกอาชีพ ด้าน ผอ.สำนักโรคเอดส์ชี้หญิงขายบริการใน กทม.เป็นเอดส์ร้อยละ 17

ใครที่สัญจรผ่านวงเวียน 22 กรกฎา ย่านเยาวราช กทม. คงเคยเห็นภาพผู้หญิงแฝงตัวอยู่ตามซอกตึกเสนอขายบริการทางเพศจนชินตา แต่จะมีสักกี่รายที่ทราบว่าหญิงขายบริการเหล่านี้ต้องพบเจออะไรบ้าง เพื่อให้ได้เงินแค่ 20 บาท แลกกับอาหารประทังชีวิต

“คม ชัด ลึก” สำรวจความเป็นอยู่ของหญิงขายบริการในย่านวงเวียน 22 กรกฎา พบว่าหญิงขายบริการหลายคนต้องยอมขายศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงแลกกับเงิน เพียงไม่กี่บาท โดย “คม ชัด ลึก” ได้พูดคุยกับ “นางสี” วัย 30 ปี ที่ยึดซอกตึกใกล้โรงแรมจิ้งหรีดแห่งหนึ่งริมถนนมิตรสัมพันธ์ ห่างจากวงเวียน 22 กรกฎา ไม่เกิน 50 เมตร ขายบริการมานานหลายปี เป็นหนึ่งในหญิงบริการที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในธุรกิจค้าเรือนร่างมายาวนาน ซึ่งนางสีย้อนลำดับความหลังให้ “คม ชัด ลึก” ทราบว่าต้องวนเวียนมาขายบริการที่วงเวียน 22 กรกฎา แทบทุกวัน แต่ไม่ได้หมายความว่าชื่นชอบในอาชีพนี้ เพียงแต่ไม่รู้จะไปทำอะไรที่ดีกว่านั้น

นางสี กล่าวว่า คนเราทุกคนเมื่อท้องหิวไม่ว่างานอะไรหากมีค่าแรงย่อมทำทั้งนั้น ตนก็เช่นกัน หากเลือกได้คงไม่มาขายบริการ เพราะการขายตัวแลกเงินเหมือนกับการขายวิญญาณ ผู้หญิงจะหลับนอนกับใครสักคนมันเป็นเรื่องที่ยากหากคนคนนั้นไม่ใช่คนที่รัก โสเภณีก็มีหัวใจ หากเลือกได้คงไม่มาขายตัว บางครั้งทำงานไปร้องไห้ไป บอกไม่ถูก เหมือนถูกย่ำยี มันไม่ได้สนุกเลย แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อท้องมันหิว ตามันลาย ถ้าไม่ทำอาชีพนี้จะให้ไปทำอะไร

ปัจจุบัน “นางสี” เสนอขายบริการในราคา 300 บาท ในจำนวนนี้รวมค่าเช่าห้องในโรงแรมจิ้งหรีด ชั่วคราว 120 บาท ด้วยราคานี้จะให้บริการแก่ลูกค้านาน 30 นาที ซึ่งราคา 300 บาท สำหรับร่วมหลับนอนกับแขก 1 ครั้ง ถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับหญิงบริการอายุ 30 ปีเช่นเธอ ลูกค้าหลายคนเลือกที่จะมีอะไรกับหญิงบริการสาวๆ อายุ 20 ต้นๆ มีเพียงไม่กี่ครั้งที่นางสีสามารถเรียกเงินเต็มอัตราจากชู้รักชั่วคราวที่ แวะเวียนมาเช่าไปหลับนอน ส่วนใหญ่ราคาที่ตกลงกันได้จะอยู่ที่ 200 บาทต่อครั้ง เมื่อหักค่าห้องและค่าถุงยางอนามัยแล้ว จะมีเงินจากการขายบริการครั้งละ 60 บาทเท่านั้น

“ทุกวันนี้มีลูกค้า วันละไม่เกิน 2 คน บางวันไม่มีเลย วันไหนไม่มีลูกค้าก็ไม่มีเงินสักบาท โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนเป็นช่วงที่แย่มากๆ ไม่มีลูกค้าเรียกใช้บริการเลย ไม่มีเงินก็ไม่มีข้าวกิน ท้องไส้แสบไปหมด ทุกครั้งที่เป็นอย่างนี้ลูกค้าต่อราคาเหลือ 20 บาทก็ต้องเอา ถุงยางก็ไม่ได้ใช้ เพราะไม่มีเงินซื้อ ลูกค้าเขาไม่สนใจหรอก เพราะเขาเมามา หรือไม่บางครั้งก็อาศัยซื้อเชื่อจากพ่อค้ารถเข็นส้มตำ คอหมูย่าง ที่ผ่านมาขายเป็นประจำทุกวันจนสนิทสนมกัน บางครั้งไม่มีเงินจ่ายก็ต้องใช้ตัวแลกกับหนี้สิน” นางสี กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

นางสี บอกว่า ทุกปลายเดือนจะรู้สึกแย่มาก ไหนลูกค้าไม่ค่อยมี แล้วยังต้องอาศัยจับกรรมกรรับจ้างขนของในหัวลำโพง คนกลุ่มนี้จะเมาแล้วจึงมาใช้บริการ อีกทั้งมีเงินไม่มากเขาให้ 20 บาทก็ต้องเอาดีกว่าไม่ได้เลย พร้อมกันนี้นางสีบอกด้วยว่า ทุกครั้งที่ให้บริการลูกค้าขี้เมาเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น พวกเขาจะไม่รู้เนื้อรู้ตัว บางรายซาดิสต์ชอบใช้ความรุนแรง แถมเอะอะโวยวาย ไม่พอใจก็ทำร้าย บางรายเมาแล้วอึด เสร็จช้า จนระบมไปทั้งตัว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องหลับหูหลับตาทำ บางครั้งต้องยอมมีอะไรกับแขกเหล่านี้ทั้งน้ำตา

จากการสำรวจของ “คม ชัด ลึก” พบว่า นอกจากนางสีแล้วที่วงเวียน 22 กรกฎา โดยเฉพาะถนนมิตรสัมพันธ์ ยังมีหญิงขายบริการอีกไม่ต่ำกว่า 50 ราย ยืนเรียงรายรอแขกมาเรียกใช้บริการ อายุระหว่าง 20 ปลายๆ ไปจนถึง 40 ปีเศษ โดยผู้ที่อายุน้อยหน่อย และรูปร่างหน้าตาดีก็จะมีแขกเรียกใช้บริการบ่อยกว่าหญิงสูงวัย จากการสังเกตพบว่า ขณะที่หญิงขายบริการยืนเรียกแขกอยู่ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนสัญจรผ่านหน้า พวกเธอจะตรงเข้าไปเสนอขายบริการ แม้กระทั่งชายชราปั่นจักรยานผ่านก็ยังถูกพวกเธอกวักมือเรียก

“วันชัย ” กรรมกรย่านหัวลำโพง วัย 40 ปี หนึ่งในลูกค้าของหญิงขายบริการวงเวียน 22 กรกฎา เปิดเผยว่า บ่อยครั้งที่ใช้บริการกับผู้หญิงกลุ่มนี้ โดยเฉพาะช่วงใกล้สว่าง เพราะราคาถูกแค่ 40-50 บาท ยิ่งใกล้สิ้นเดือนยิ่งถูก 20 บาทก็เอา ส่วนสถานที่ปฏิบัติกิจเท่าที่ประสบมา ผู้หญิงกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเช่าโรงแรมจิ้งหรีดไว้เป็นรายเดือน ก็จะไปที่ห้องของเธอ บางครั้งก็ไม่ได้สวมถุงยางอนามัย อยู่ที่ว่าตอนไปเมาหรือเปล่า หากไม่เมาก็จะใช้ แต่หากเมามากก็ไม่รู้ตัว บางครั้งสร่างเมาแล้วยังถามตัวเองเลยว่า นอนกับผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร เพราะทั้งอ้วนทั้งแก่

น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า หญิงขายบริการเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคจิตได้มากกว่าคนปกติทั่วไป เนื่องจากเกิดความกดดันจากสังคมที่ไม่ยอมรับในอาชีพที่ทำอยู่ และยิ่งต้องทนร่วมเพศกับชายขี้เมา ถูกทำร้ายก่อนร่วมเพศ อาจทำให้หญิงขายบริการรู้สึกขยะแขยง และรู้สึกว่าถูกล่วงละเมิดทางอารมณ์ ก็จะยิ่งกดดันสภาพจิตใจให้เกิดลุกลามกลายเป็นผู้ป่วยโรคจิตได้ง่าย

” หากหญิงขายบริการรายใดตกอยู่ในสภาวะเหล่านี้ ก็ไม่ควรทนขายบริการต่อ ให้เปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่นทำจะดีที่สุด แต่เข้าใจว่าการขายบริการเป็นอาชีพที่ง่าย ได้เงินง่ายไม่ต้องทนลำบาก ส่วนใหญ่ผู้หญิงขายบริการจะเป็นคนที่รักความสบาย ทำให้ตกอยู่ในวังวนของธุรกิจประเภทนี้” น.พ.ทวีศิลป์ กล่าว

ด้าน นางนภา เศรษฐกร ผอ.สำนักป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าหญิง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า จากนี้ไปจะส่งนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยา เข้าไปพูดคุยกับหญิงขายบริการวงเวียน 22 กรกฎา พร้อมกับเกลี่ยกล่อมให้เลิกทำอาชีพนี้ โดยจะนำไปฝึกอบรมและส่งเสริมให้ประกอบอาชีพอื่นแทน เช่น การนวดแผนไทย ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน

ขณะที่ น.พ.สมบัติ แทนประเสริฐสุข ผอ.สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรมควบคุมโรคเข้าไปตรวจสอบหญิงขายบริการอิสระในเขต กทม.มาโดยตลอด แต่เข้าถึงได้ยาก เนื่องจากหญิงขายบริการจะปกปิดตัวเอง ไม่ยอมให้เข้าถึงตัวได้ง่าย ทำให้การตรวจสอบเรื่องการติดโรคเอดส์ทำได้ยากตามไปด้วย จึงเป็นเรื่องอันตรายกับผู้ที่เข้าไปใช้บริการ หากไม่มีการป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัยด้วยแล้วแทบจะมั่นใจได้เลยว่า ผู้ใช้บริการทางเพศมีโอกาสเสี่ยงติดโรคสูงมาก

ทั้งนี้ จากการสำรวจจำนวนหญิงขายเฉพาะในเขต กทม.โดยกรมควบคุมโรค เท่าที่ตรวจสอบได้มีอยู่ทั้งสิ้น 18,689 ราย โดยจำนวนนี้เป็นยอดรวมโสเภณีทั้งหมด ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ป่วยโรคเอดส์รวมอยู่ด้วยร้อยละ 17 หากใครที่จะเข้าไปใช้บริการก็ควรระมัดระวังตัวให้มาก
ที่มา อินเทอร์เน็ต

สาวโอเกะ ห้ามนั่งดริงก์
หลังจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลเอาจริง เข้มงวดกวดขันร้านอาหาร สถานบริการในพื้นที่รับผิดชอบให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่ที่จัดให้มีหญิงสาวแต่งกายวาบหวิวไม่เหมาะ สมมานั่งเชียร์ลูกค้าบริเวณหน้าร้าน ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนเป็นที่อุจาดตาต่อผู้พบเห็นนั้นล่าสุด คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการ ร้านวีดิทัศน์ พ.ศ. … มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ประเภทคาราโอเกะต้องดูแลมิให้มีผู้ บริการขับร้องเพลงกับลูกค้า หรือให้พนักงานอื่นใดนั่งกับลูกค้าภายในร้าน หรือห้ามมีเด็กนั่งดริงก์ตามร้านคาราโอเกะต่างๆ หากผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืนจะมีผลกับการต่อใบอนุญาตย่อมส่งผลกระทบต่อการทำ มาหากินของ “สาวนั่งดริงก์”ตามร้านคาราโอเกะแน่นอน เพราะรายได้หดหาย เสี่ยงต่อการตกงาน อดตายแน่นอนสาวนั่งดริงก์ตามสถานบันเทิง มีรายได้งดงามจากทิปลูกค้าหากต้องปฏิบัติตามกฎหมาย มีหวังรายรับไม่พอกับรายจ่ายแน่น.ส.หน่อย (นามสมมติ) อายุ 23 ปี สาวคาราโอเกะบอกกับทีมข่าวอาชญากรรมว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานโรงงานแต่รายได้ไม่พอใช้จ่าย จึงหันมาทำงานคาราโอเกะซึ่งมีรายได้มากกว่าหากห้ามนั่งดริงก์ลูกค้าคงไม่ เข้าร้านทำให้รายได้หดหายเจ้าของกิจการก็อยู่ไม่ได้ ต้องตกงานแน่และมีจำนวนมากด้วยเงินที่ได้มาก็มาจากเป็นเพื่อนร้องเพลงกับ ลูกค้าที่มาเที่ยวไม่เข้าใจกับมาตรการที่ออกมา ยิ่งตอนนี้งานยิ่งหายากอยู่ด้วยน.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี สาวนั่งดริงก์สถานบันเทิงย่านนนทบุรี บอกว่าเรียนจบเพียงชั้น ม.3 ทำงานกลางคืนมา3 ปี รายได้พออยู่พอกิน ซึ่งเงินส่วนใหญ่มาจากทิปลูกค้าถ้ารัฐบาลสั่งห้ามนั่งดริงก์กับลูกค้าก็จะ ขาดรายได้อย่างมากรายรับคงไม่พอกับรายจ่ายแน่ แล้วจะให้ทำอาชีพอะไรเพราะมีความรู้น้อย

เรื่องนี้ถ้าเป็นมุมมองของกระทรวงวัฒนธรรม ก็อาจเห็นด้วยกับการมีมติดังกล่าว เพราะจะทำให้อบายมุข การลักลอบค้าประเวณี ลดลงแต่มองจากมุมการหาเลี้ยงชีพของแต่ละคนคงยากลำบากขึ้นเพราะบางคนเลือก เกิดไม่ได้ มีความรู้น้อยนิด ไม่สามารถเลือกที่จะทำงานดีๆ ได้สาวนั่งดริงก์บางคนก็ไม่อยากจะมาทำอาชีพแบบนี้หากมีงานอื่นที่ดีกว่า บางคนถึงกับบอกว่าถ้าไม่ให้มีสาวนั่งดริงก์ตามร้านคาราโอเกะแล้วอาจจะออกไป เร่ขายตัว เร่ขายเนื้อหนังมังสา ตามสวนสาธารณะริมถนนมากขึ้น ก่อเกิดเป็นปัญหาสังคมมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวพวกเธอยังโอดครวญอีกว่า ทำไมต้องมาเข้มงวดกวดขันจริงจังกับร้านคาราโอเกะ ร้านเหล้ารอบสถานศึกษากลับปล่อยปละละเลยแต่ละแห่งคึกคักน่าดูไม่เชื่อลอง เดินรอบมหาวิทยาลัยต่างๆ ดูสิ จะเจอแต่ร้านเหล้า กลายเป็นแหล่งนัดพบหลังเลิกเรียนของนิสิตนักศึกษา ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดินรา้นเหลา้เปดิ ขายกนั อยา่งไมก่ ลวัเกรงกฎหมาย รอบรวั้ มหาวทิ ยาลยัแค่นักศึกษาก้าวเท้าออกมานอกประตูก็เจอร้านเหล้าพวกนี้คอยต้อนรับอย่าง มากมาย นักศึกษาที่ว่าก็มีทั้งนักดื่มหน้าเก่านักดื่มหน้าใหม่ เข้าไปหาความสุขความสำราญหลังจากคร่ำเคร่งจากการเรียนโดยเฉพาะนักศึกษารุ่น พี่จะชวนรุ่นน้องที่เข้ามาศึกษาใหม่ไปดื่มกันจนเมา เป็นภาพที่ชินตาไปเสียแล้ว ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องอย่ามองข้ามจุดนี้สำหรับมติดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทบทวนว่า จะมีผลกระทบต่อสาวนั่งดริงก์มากหรือไม่ เพราะถ้ามีคนตกงานมากก็ต้องมีการหาอาชีพอะไรมารองรับ…ไม่เช่นนั้นพวกเธอ อาจก้าวเข้าสู่วงจรค้าประเวณีมากขึ้นอีก ตรงนี้จำเป็นต้องมีการไตร่ตรองให้รอบคอบและมีการตั้งคำถามว่า นี่จะเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหากินกับร้านคาราโอเกะที่ฝ่าฝืนหรือ ไม่?
ที่มา บางกอกทูเดย์

จับสาวแต่งโป๊ยั่วค้ากาม
พลเมือง ดีสุดทน! พฤติกรรมสาววัยรุ่นย่านสุมขุมวิท 78 แต่งวาบหวิว ยืนริมถนนชักชวนให้ซื้อบริการทางเพศ แจ้ง ตร.จับรวบสาวค้ากามได้ 12 ราย สารภาพส่วนใหญ่มาจากต่างหวัด ไม่มีงานทำ ต้องหารายได้พิเศษจากการค้ากาม
วันนี้ (26 ก.ค.) เมื่อเวลา 01.30 น. พ.ต.อ.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผกก.สภ.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าบริเวณ ริมถนนภายในซอยสุขุมวิท 78 (โรงหนังสเตรท) ม.1 ต.สำโรงเหนือ มีกลุ่มสาววัยรุ่นแต่งตัวชุดหวาบหวิวออกมายืนเตร็ดเตร่ริมถนน ชักชวนผู้ขับรถผ่านไปมาชักชวนให้ซื้อบริการทางเพศ จึงสั่งการให้ พ.ต.ต.สำเนาว์ กาฬปักษี สวป. ร.ต.อ.สัมนา แก้วมาก รอง สวป. นำกำลังสายตรวจเข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบหญิงสาววัย รุ่นหน้าตาดี อายุระหว่าง 18-25 ปี แต่งกายเสื้อรัด คอเว้าโชว์ร่องอก นุ่งสั้น ตามที่รับแจ้ง ยืนอยู่ริมถนนจำนวนหลายสิบคน จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมไว้ได้ 12 คน บางส่วนหลบหนีไป สอบสวนทราบว่าพักอยู่อพาร์ตเมนต์ย่านถนนรางรถไฟ (สายเก่า ) ต.สำโรง มาจากต่างจังหวัด และไม่มีงานทำจึงต้องหารายได้พิเศษจากการขายบริการในซอยดังกล่าวซึ่งเป็นซอย ที่มีถนนตัดจากสุขุมวิท ไปถนนรางรถไฟ และ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวพร้อมแจ้งข้อกล่าวหากระทำการอันเป็นที่น่าขายหน้าต่อธารกำนัล ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
ที่มา ผู้จัดการ

Leave a Reply