คู่มือลงอ่าง

ตีแผ่ คู่มือลงอ่าง ใครอยากเที่ยวอาบอบนวดต้องอ่านให้จบ !!
คู่มือลงอ่าง เขียนเริ่มต้นโดยคุณ ” ตะลอนกรุง ” ในเว็บบอร์ด “ครอบครัวเดินทาง” เขียนเพิ่มเติมโดยคุณ ” จิ้งเหลนไฟ ” ในเว็บบอร์ด “ฟ้ารุ่งยอดขวัญ”

คู่มือลงอ่าง รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง ถ้าได้อ่านจนจบ คง มีหลายคนที่ไม่เคยเที่ยวอาบอบนวด บางคนก็เที่ยวบ่อย ๆ แต่อาจรู้ในบางสิ่งและไม่รู้ในบางสิ่งผมจึงอยากเล่าให้ฟังในฐานะเอาหมอนวดมา เป็นร้อยแล้ว จะเขียนแบบธรรมดา สุภาพมั่งลูกทุ่งมั่ง

1.สถานที่
สถานที่นี่สำคัญถ้าเราต้องการทำอะไรกับหมอนวด ต้องเลือกสถานที่ที่ติดป้ายเป็น อาบ อบ นวดเท่านั้น อย่าไปเลือกพวกติดป้ายว่าเป็นนวดแผนโบราณ เพราะพวกแผนโบราณการจะทำอะไรกับหมอนวดเป็นเรื่องต้องตกลงกันเองระหว่างเรากับหมอนวด จะมีหมอนวดจำนวนมากที่ไม่ยอมให้ทำอะไร อย่างมากก็ชักว่าว(ใช้มือทำให้) หรือดูดอวัยะเพศให้ และบางแห่งก็ห้ามอย่างเด็ดขาด และแม้อาจจะทำกันได้ แต่สถานที่มักไม่เอื้ออำนวย คือหลายแห่งเขาไม่ได้ออกแบบห้อง เพื่ออำนวยความสะดวกเพื่อการให้มีอะไรกัน ก็เลยไม่มีที่อาบน้ำล้างน้ำ ไม่มีอ่างอาบน้ำ ที่นอนก็แคบ บางทีห้องก็ไม่ค่อยมิดชิด เพราะฉะนั้นต้องเลือกที่ขึ้นป้ายว่าเป็นอาบอบนวดเท่านั้นการเลือกสถานที่ ควรเลือกที่ขับรถเข้าออกได้สะดวก ประเภทที่เข้าออกยาก รถติดเป็นตังเม ตรงทางเข้าออก โดยเฉพาะที่ใกล้กับป้ายชื่ออาบอบนวดและติดป้ายรถเมล์ด้วยละก้ออย่าเข้าไปเลย เพราะจะนั่งเป็นเป้าสายตาคนอื่นนานเลย (แต่ถ้ามืด ๆ ก็ไม่เป็นไร)

บริเวณที่มีอาบอบนวดมากก็ถนนเพชรบุรี(ราคาถูกหน่อยพันกว่า ๆ ก็เที่ยวได้แล้ว) ถนนรัชดา(ราคาแพงกว่า จะเที่ยวต้องมีสักสองพันห้าร้อยบาทขึ้นไป) ส่วนที่อื่นก็มีกระจายกันไป เช่น แถวปิ่นเกล้า พระรามเก้า ถ้าขับรถไปเอง เราสามารถขับเข้าไปจอดเอง ไม่ต้องให้เด็กรับรถขับไปจอดก็ได้ จะให้เด็กรับรถขับไปจอดก็ได้ ถ้าเด็กรับรถขับไปก็ให้ทิปพวกนี้นิดหน่อย อย่าไปตอแยกับพวกนี้เพราะต้องคิดว่า อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เสียเงินนิดหน่อยแต่รถเราปลอดภัยดีกว่า แต่ต้องระวังเรื่องกุญแจรถด้วยอย่าปล่อยไว้กับเด็กรับรถเป็นดีที่สุด ถ้าไม่มีรถ ไปรถเมล์ก็ย่อมได้ (ตัวผมเอง(จิ้งเหลนไฟ)ก็นั่งไปบ่อยๆ)
ลงรถ แล้วเดินเข้าไปเลย เอาตอนมืดๆ น่ะก็ดี ไม่มีใครสนใจนัก (แต่บางคนก็ชอบเข้าไปตอนบ่ายเพราะแขกน้อยไม่ต้องแย่งกัน,ตำรวจมักไม่มากวน ด้วย)

การไปรถแท็กซี่นี่ถ้าอายก็ไม่ต้องบอกว่าไปอาบอบนวดนั้นก็ได้ ให้บอกที่ใกล้ ๆแล้วเดินต่อนิดหน่อยก็ได้(เพราะถ้าบอกตรงๆ ก็อาจอายคนขับไปตลอดทาง) ถ้าไม่อายก็บอกตรงๆ จำไว้ว่าสถานอาบอบนวดเขาไม่แคร์หรอกว่าใครจะเดินเข้ามาหรือมารถอะไร (เคยเจอฝรั่งขี่จักรยานเข้าไปก็มี)ขอให้มีเงินค่าอาบนวดก็พอแล้ว

2.เวลาเปิดปิดบริการ
สถานอาบอบนวดจะให้บริการไม่ตรงกัน ขึ้นอยู่กับใบอนุญาต บางแห่งเปิดตั้งแต่เที่ยงวันเลิกตอนเที่ยงคืนก็มี บางแห่งเปิดตั้งแต่บ่ายสองโมงจนถึงเที่ยงคืน บางแห่งเปิดตอนสี่โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน บางแห่งเปิดตั้งแต่หกโมงเย็นปิดเที่ยงคืน วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการส่วนใหญ่ก็เปิดได้ตั้งแต่เที่ยงวันจนถึง เที่ยงคืน เวลาในการให้บริการต่อครั้ง(รอบ) ตกในราวชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงแล้วแต่สถานที่ (แต่พบมากคือรอบละชั่วโมงครึ่ง เมื่อขึ้นไปใช้บริการแล้วแม้แขกเสร็จสมอารมณ์หมายแล้วก็มีสิทธิอยู่จนครบ เต็มเวลา)

3.ภายในอาบอบนวด
เมื่อ เดินเข้าไปข้างในก็มักจะมีที่ว่างเป็นห้องโถง มีที่นั่งสำหรับแขก มีเคาน์เตอร์เก็บเงิน มีห้องอาหาร ห้องน้ำ และที่สำคัญด้านหนึ่งจะมีห้องใหญ่ติดกระจกยาว ให้หมอนวดนั่งอยู่ภายในให้เราเลือก ห้องนี้มักเรียกกันว่า ”ตู้” (ฝรั่งเรียกว่า fish bowl) บางแห่งจะให้หมอนวดทุกเกรดราคาและทุกประเภท มานั่งรวมกันในตู้นี้ แต่แยกเป็นกลุ่ม ๆ ตามราคาหรือประเภท บางแห่งจะแยกความแตกต่างโดยให้หมอนวดติดเบอร์สีต่างกัน แต่บางแห่งอาจแยกตู้หรือแยกห้องกันไปเลย ถ้าเราเพิ่งเคยเข้าไปก็ต้องสอบถามคนเชียร์แขก ดูว่าตรงไหนหรือป้ายแบบไหนให้บริการอะไร ราคาเท่าไหร่
ในสถานอาบอบนวดทุกแห่งจะมีคนคอยแนะนำแขกเรียกว่า “เชียร์แขก” คนเหล่านี้ปกติมีหลายคนทั้งชายและหญิง มีหน้าที่ให้คำแนะคำเกี่ยวกับราคา และตัวหมอนวด และเรียกให้หมอนวดออกมาพาแขกไปเข้าห้องให้บริการ

4.ภายในห้องอาบอบนวด
ในห้องอาบอบนวด จะเป็นห้องเล็ก ๆ (ที่จริงก็ใหญ่กว่าห้องที่บ้านเรา) มิดชิดปิดล็อคกุญแจได้แน่นหนาคนข้างนอกเข้าไม่ได้ ปกติที่ด้านบนประตูจะต้องมีช่องเล็ก ๆ ให้คนมองเข้าไปได้(ตามกฎหมายจะต้องมีไว้ให้ตรวจดูจะได้ไม่มีการอึ๊บกัน แต่ในทางปฏิบัติ ไม่มีใครเขาไปดูกันหรอก บางทีหมอนวดเอาผ้าไปปิดก็มี) ห้องจะใหญ่เล็กก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ แต่ปกติจะปูพรม ห้องส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่พอสำหรับ รองรับเตียงขนาดใหญ่ มีชุดรับแขก โซฟา โทรทัศน์ อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่พอที่จะลงไปอาบ ได้พร้อมกันสองคน และถ้าเป็นห้องที่ใช้อาบแบบบีคอร์ส หรือเรียกอีกอย่างว่าโตรา ก็จะมีแพยางให้ลงไปนอนนวดกันบนนั้นเพิ่มขึ้นมาด้วย

5.การเรียกชื่อหรือประเภทหมอนวด อาจเรียกกันได้หลายแบบหรือประเภท เช่น
5.1 แบบธรรมดา
พวกนี้จะให้บริการมาตรฐานทั่วไป คือต้อง อาบน้ำให้แขก อม(เลีย,ดูดอวัยะเพศของแขก(นิยมเรียกกันว่า”สเปย์” ทั้งที่ฝรั่งบอก “smoke”) และทำอะไรกับแขก หมอนวดที่จัดอยู่ในประเภทนี้ มีมากที่สุด พวกนี้จะทำงานมาพอควรแล้ว(ถึงจะเป็นคนใหม่ก็จะได้รับการสอนงานมาก่อน) จึงรู้งานและมักให้บริการได้อย่างไม่เคอะเขิน พวกนี้แม้จะเรียกว่าหมอนวดแต่จริง ๆ แล้ว แทบนวดกันไม่เป็นเลย เพราะไม่เน้นนวด เน้นการดูดอวัยะเพศกับมีอะไรกันกับ แขกเป็นสำคัญ ว่าไปก็เหมือนกับคุณตัวตามซ่องนั่นเอง แต่มีระดับสูงกว่า สวยกว่า ให้บริการดีกว่าคุณตัวตามซ่อง และให้บริการในสถานที่หรูหรากว่าอย่างเทียบกันไม่ได้เท่านั้นเอง เราจึงควรยกระดับจิตใจ ให้สูงและดี เมื่อไปใช้บริการ อย่าทำตัวต่ำๆเถื่อนๆจะเสียหน้าเสียชื่อได้ (อาจถูกคนคุมเตะได้)

5.2 แบบไซด์ไลน์(sideline )
พวก นี้ก็ทำงานเหมือนแบบธรรมดานั่นเอง แต่สถานอาบอบนวดจัดไว้เป็นอีกพวกหนึ่ง เพราะพวกนี้มักเป็นสาวรุ่นที่ยังใหม่อยู่(หน้าตาดีด้วย) ไม่แน่ใจว่าจะทำประจำหรือสถานที่นั้น ต้องการเพิ่มราคา (บางคนทำมาแล้วแต่เปลี่ยนที่ใหม่ไปหลอกเขาก็มี) หรือทำงานเก่งอยู่แล้วและมีหน้าตาสวย รูปร่างผิวพรรณดี เป็นที่ต้องตาต้องใจของแขก จึงขอต่อรองให้จัดมาเข้ากลุ่มนี้ แต่บางที่ก็คัดเลือกสาวๆซึ่งไม่เคยเป็นหมอนวดมาก่อนจริงๆ เช่น
สาว ออฟฟิส,แม่บ้าน,นักศึกษา,สาวเชียร์เบียร์ ฯลฯ (เคยเจอสาวขายแว่นตามาด้วย)ที่คิดจะขายตัวเพื่อหาลำไพ่ชั่วคราว (บางที่หรูๆอาจคัดเลือกอย่างดี ได้นางงามตกรอบ,นางแบบไม่ดัง,สาวพริตตี้ บางทีมีกระทั่งดาราสาวตกอับ) พวกนี้มักจะราคาสูงกว่าพวกธรรมดามากพอควร(จนถึงแพงจัด) การให้บริการก็ทำเหมือนกับแบบธรรมดาทุกอย่าง แต่พวกนี้ที่ใหม่จริง ๆ มักให้บริการได้ไม่เก่ง,ไม่ครบเท่าแบบธรรมดา เพราะยังไม่ชำนาญ สิ่งที่ดีก็มักจะเป็นหน้าตา,เนื้อตัวและความใหม่
แต่ อย่างไรก็ตามพวกไซด์ไลน์จะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการคัดเลือกหรือความพิถีพิถันของแต่ละสถานที่ด้วยว่าเน้น ความสดใหม่ ,รูปร่างหน้าตาหรือฝีมือ แต่ส่วนใหญ่เน้นความสดใหม่(ดูจากงานประจำวันเช่น นักศึกษา,สาวออฟฟิส) และหน้าตาสวย(นางงาม,นางแบบ) ถ้าเราต้องการฝีมือก็ต้องบอกคนเชียร์แขกให้ชัดเจน เดี๋ยวเจอหมอนวดที่สวยเนียนงามแต่แข็งทื่อไม่บริการเราเลย(พวกนางไม้) จะผิดใจทะเลาะกันได้

5.3 แบบบีคอร์ส(B-course) หรือโตรา (Tora)
พวกนี้ให้บริการเหมือนกับพวกธรรมดา แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างไปคือพวกนี้จะต้องทำการนวด
ให้แขกที่แปลกกว่าการนวดทั่วไป คือเมื่ออาบน้ำทำความสะอาดดีแล้วทั้งสองคน
ก็จะให้แขกลงไปนอนบนแพยาง(พลาสติค)แบบแพยางที่ใช้กันที่ชายหาด
แล้วหมอนวดจะเอาน้ำมันหรือสบู่พิเศษที่ใช้กับการนวดประเภทนี้มาตีฟองแล้วชะโลม
ให้ทั่วตัวแขกและตัวหมอนวดจนตัวลื่นดีแล้ว หมอนวดก็จะแนบตัว โยก บดคลึงไปบนตัวแขก
โดยเน้นให้นมถูนวดไปตามท่อนขา ลำตัว ทั้งด้านหน้าและหลังตัวแขก
เนื่องจากการนวดประเภทนี้เน้นการใช้นมนวดนาบถูไถไปตามร่างกายแขก
คนที่จะให้บริการแบบนี้จึงเน้นคนที่มีนมใหญ่ มากกว่าหน้าตา(แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีสวยเสียเลย)
นอกจากการใช้นมนวดให้แขกแล้ว มีอีกสิ่งหนึ่งที่หมอนวดแบบนี้จะทำให้แขกด้วย
คือการใช้โคกจี๋มรวมถึง!ของตนบดถูคลึงวนไปตามร่างกายของแขกด้วย
แขกที่อยากนวดแบบนี้ต้องพร้อมที่จะยอมรับการถูก
จี๋มของหมอนวดถูไถไปตามร่างกาย
(หมอนวดบางคนอาจเลี่ยงแต่ถ้าบอกให้ทำก็จะทำให้) ขณะแนบจี๋มบดคลึงกับจู๋ของแขกซึ่งปกติ
ขณะนวดจะไม่ใส่ปลอก(ถุงยาง) จี๋มกับจู๋จะสัมผัสแนบแน่นกันโดยตรง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิธี
แต่บางคนที่อยากให้แขกประทับใจ หรือต้องการยั่วอารมณ์ก็–มาก ให้สัมผัสด้านใน
เช่นโคกประกับ(แคมใหญ่)มากหน่อย บางคนยอมลงทุนนั่งยองๆเปิด!ถูไถตัวแขกเลย
แขกเมื่อถูกนวดแบบแนบชิด ประกอบกับมีความลื่นก็มักเสี้ยนมากจนจู๋แข็งตัวเต็มที่
บางคนทนไม่ไหวขอ–กับหมอนวดบนแพเลยก็มี บางทีก็พยายามยกก้นเพื่อกระแทกจู๋ใส่สด ๆ
ก็มีเพราะคิดว่ามันลื่นคงเข้าได้ง่าย ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับหมอนวด
ปกติถ้าแขกต้องการ–ทันทีหมอนวดก็มักจะตามใจ โดยหมอนวดมักใช้ท่านั่งแท่นขย่มตอ
(แขกอาจขึ้นข้างบนทำเองก็ได้แต่หมอนวดมักไม่ยอมเพราะกลัวผมเปียก)
แต่มักจะให้สวมถุงยางก่อน แต่ปกติมักไม่–กันตอนนั้น
เมื่อนวดกันเสร็จแล้วก็จะล้างตัวและไปให้บริการอื่น ๆ ตามปกติกันที่เตียง
ซึ่งก็ได้แก่การอมจู๋ของแขก และ–ให้แขก–ด้วยเหมือนหมอนวดแบบอื่น
การนวดประเภทนี้ยังมีอยู่หลายแห่ง คนที่ไม่เคยก็ขอแนะนำให้ลองดู จะเป็นประสบการณ์
ที่เยี่ยมมาก ให้ความรู้สึกสยิว ลื่นดี ตอนนวดบีคอร์ส โดยเฉพาะตอนหมอนวดเอาโคกประกับจี๋ม
(บางตำราเรียก “แคมใหญ่”)นวดถูไถไปตามตัวและจู๋ เพียงแต่ต้องยอมรับว่าตัวเราบางส่วน
อาจถูกเมือกลื่นจากรูจี๋มเล็ดลอดออกมาบ้าง แต่มันก็ผสมกับน้ำมันจนน่าจะเจือจางแล้ว
คิดว่าเป็นน้ำมันก็แล้วกัน เพราะปกติตอนนั้นหมอนวดกำลังทำงานยังไม่ได้ถูกแขกเล้าโลม
แต่อย่างใด เมือกจี๋มคงยังไม่ออกหรอก แต่ก็เอาแน่ไม่ได้ เพราะกว่าจะถึงขึ้นนี้
ก็มักจะถูกแขกคนก่อนหน้าดูดนมหรือล้วงจี๋มบีบคลึงคลิต(คลิตอริส)มาบ้างแล้วก็ได้
หรือหมอนวดบางคนอารมณ์สูงไวไฟ อาจเสี้ยนได้ที่ตอนทำงานถูไถก็ได้
(เคยเจอมาบ้างหลายคนเป็นอย่างนี้จริงๆ)

5.4 แบบแผนโบราณ
พวกแผนโบราณแท้ ๆ บางแห่งจะมีการนวดกันจริงจัง (ค่านวดจะถูกมากชั่วโมงละสองสาม
ร้อย–หรือน้อยกว่านี้อีก) ไม่มีการบังคับให้หมอนวด–กับแขก (แต่ตกลงกันเองก็ทำได้
ถ้าหมอนวดยอมและสถานที่อำนวย) ในอาบอบนวด หลาย ๆ แห่งแม้จัดหมอนวดแบบ
แผนโบราณไว้ แต่ในทางปฎิบัติในบางแห่งก็ทำงานแบบเดียวกับหมอนวดธรรมดา
คือทุกคนจะต้อง–กับแขก มีการอาบน้ำ(อาจไม่ต้องลงอ่าง)และนวดด้วย
แต่พวกนี้มักอายุมากและผ่านงานมามากแล้ว
ราคาจะถูกกว่าหมอนวดแบบธรรมดาบ้างแต่ไม่มากนัก

6.การเลือกหมอนวด
เวลาเข้าไปในสถานอาบอบนวดแล้วก็ให้ทำตัวปกติอย่าทำท่าตื่นเต้นหลุกหลิกให้เป็นที่สังเกต
ของคนอื่น ควรหาที่นั่งสงบใจก่อนแล้วค่อย ๆ สำรวจดูสิ่งรอบตัว
พอมั่นใจดีแล้วก็มองดูหมอนวดในตู้ ถ้าไกลไปก็เดินเข้าไปมองที่หน้าตู้เลย
ดูให้ดีนะว่ากระจกและไฟมันไม่หลอกตา เพราะบางทีในตู้มองดูแล้วว่าขาวหรือสวย
แต่พอออกมาข้างนอกแล้วผิดจากที่เห็นในตู้ก็มี ถ้าจะให้ดีจะต้องมองเปรียบเทียบผิวพรรณ
หน้าตากับคนข้างเคียงด้วย จะได้แน่ใจว่าขาวหรือเนียนจริงๆ เพราะถ้าดูเดี่ยวๆ อาจผิดพลาดได้
แต่ถ้าชอบผิวคล้ำๆตาคมแบบไทยๆเช่นเดียวกับตัวผมเอง(จิ้งเหลนไฟ)ก็หมดปัญหาไปเยอะ
เรื่องการดูว่าอกใหญ่หรือไม่ บางกรณีมองลำบากก็ต้องอดทนคอยดูหลาย ๆ มุม
ถ้าดูทางด้านข้างจะรู้ชัดว่าใหญ่หรือเล็ก ถ้าใหญ่มันก็จะยื่นชูชันออกมาเลย ที่ดูยากหน่อย
ก็พวกชอบดันนมให้ล้นออกนอกบราฯทำให้มองดูใหญ่ แต่จริง ๆ ไม่ใหญ่
พวกนี้สังเกตดูแม้เนินอกนอกคัพนูนใหญ่ก็จริง แต่ฐานล่างมันจะแฟบ ๆ ผิดรูป
เพราะถูกดันให้ล้นขึ้นไป มันไม่ใหญ่จริงหรอก
พวกใหญ่จริงมันจะดูอูมฟูมเต็มคัพ จุดที่บอกได้ดีอีกอย่างก็คือต้องคอยจังหวะ
เวลาขยับตัวเดิน,ลุกนั่ง ถ้ามองเห็นนมกระเพื่อมขึ้นลงก็พอบอกได้ว่าใหญ่จริง
บางทีต้องคอยจังหวะตอนก้มมองลอดเสื้อเข้าไป
เรื่องผิวนี่จะดูแค่หน้าอย่างเดียวไม่ได้เพราะใช้เมคอัพปกปิดกันได้ ต้องดูที่คอ หน้าอก
แขนขาประกอบด้วย บางคนหน้าขาวแต่ส่วนอื่นคล้ำก็เชื่อได้ว่าสีจริงคือคล้ำ
เรื่องความกระชับและความลึกของจี๋มส่วนมากคนตัวเล็กย่อมฟิตและตื้นกว่าคนตัวใหญ่
อันนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าของเราเล็กก็ควรเลือกคนตัวเล็กไว้ก่อน
หมอนวดบางคนมีกล้ามเนื้อจี๋มแข็งแรงก็จะฟิตกระชับเป็นพิเศษ ถ้ามองดูมือแขนมีกล้ามเนื้อ
แข็งแรงดูคล้ายเป็นปล้องอวบ ๆ (ไม่ใช่เป็นมัด)ก็มักจะมีกล้ามเนื้อตรงนั้นดีด้วย
พวกแขนลีบ ๆ ก็มักมีกล้ามเนื้อน้อยไปด้วย
อย่าสับสนระหว่างรูจี๋มเล็กกับกล้ามเนื้อจี๋มแข็งแรงล่ะ คนตัวเล็กจี๋มเล็กแน่ๆ (ซึ่งจะรัดจู๋
แค่ตอนใส่เข้าไปใหม่ๆ) แต่ไม่ได้–ยความว่า กล้ามเนื้อตรงนั้นแข็งแรง (รู้สึกได้ว่าหลังจาก
เดินลำไปแล้ว–จะเหลวยืดตัวมากจนไม่มีแรงรัด)เพราะอาจจะไม่เคย(แม้แต่จะคิด)
ฝึกขมิบ! เลิกงานแล้วก็เอาแต่เที่ยวเล่นเมายา ปล่อยตัวให้เสื่อม–ม (แขนขาจึงลีบ)
บางคนตัวใหญ่หน่อย จี๋มอาจใหญ่แต่กล้ามเนื้อรอบ ๆ แข็งแรงสามารถขมิบรัดได้แรงมาก
(ขณะเดินลำ)เพราะดูแลตัวเองดี พักผ่อน,ออกกำลังกายและฝึกขมิบ!อยู่เสมอ
แขกจึงติดแม้จะมีอายุขึ้นมาบ้าง
ถ้าของเราใหญ่ยาวหากเลือกคนตัวเล็กจี๋มฟิตและตื้น เวลาร่วมก็จะทำไม่ได้เต็มที่
เพราะจะไปชนมดลูกแรงๆ ทำให้หมอนวดเจ็บหมดอารมณ์ไปได้(และจะไม่ยอมบริการให้เราอีก)
ก็ต้องเลือกคนตัวใหญ่สูงๆ หน่อยจะได้เข้ากันได้ดี ไม่ใช่ตะบี้ตะบันจะเอาแต่ตัวเล็กๆขาวๆลูกเดียว
การดูอายุปกติก็ถามเชียร์แขกดูได้ แต่บางทีเชียร์แขกก็ไม่แน่ใจก็อาจบอกเดา ๆ
ผิด ๆ ได้ อันนี้ก็ต้องดูด้วยตัวเอง ปกติคนอายุน้อย ผิวพรรณก็เต่งตึง ผิวใบหน้ามักจะเรียบ
ไม่มีอาการย้อยหรือหยัก หรือเป็นลอนคลื่นไม่เสมอกัน เนื้อส่วนแขนท่อนบนจะไม่ห้อยย้อย
ยกเว้นคนที่ดูแลตัวเองดี ซึ่งมักจะเป็นดารา หรือไซด์ไลน์
แขกอาจสอบถามเกี่ยวกับตัวหมอนวดได้ เช่น ทำมานานเท่าไร อายุเท่าไร มีลูกหรือยัง
(เพราะเชื่อว่านมจะใหญ่,มีน้ำนมให้ดูดและอารมณ์สูง แต่หลังๆมาแขกมักเลี่ยงไม่เลือก
เพราะอาจจะท้องลายไม่น่าดู) อกใหญ่หรือเล็ก อมสด หรือเบิ้ลได้หรือเปล่า ส่วนใหญ่ถ้า
เชียร์แขกรู้ส่วนดีของหมอนวดก็จะบอก แต่อะไรที่ไม่ดี บางทีก็แกล้งบอกว่าไม่แน่ใจ ที่สำคัญ
อันดับแรกคือต้องเลือกคนที่ถูกใจเราเป็นหลัก อย่าตามแห่ตามฮิต แล้วสอบถามเพื่อให้แน่ใจ
ว่าหมอนวดคนนั้นมีสิ่งที่เราไม่ชอบหรือไม่ แต่อย่าเชื่อคนเชียร์แขกนัก เพราะคนเชียร์แขก
มีหลายประเภท บางคนชอบยัดเยียดเด็กที่ไม่ค่อยได้งานให้แขกที่ไม่คุ้นหน้า บางคนโกหกดื้อๆเลย
ขอเพียงให้เราขึ้นห้องเป็นพอ และบางอย่างที่เชียร์แขกบอกว่าทำ ก็อย่าเ–ว่าน้องจะทำให้เรา
เหมือนกับที่ทำกับคนอื่น เพราะบางทีเขาไม่ทำให้เพราะเราอาจเป็นคนที่ไม่น่าทำให้อย่างยิ่ง
หรือบางทีเหนื่อยมากแล้ว
การจองเด็ก ถ้าเราต้องการจองเด็กก็–ไปจองกับร้านได้ หรือจองกับเชียร์แขกแล้ว
เราต้องไปตามเวลาด้วย มิฉะนั้นเขาก็ต้องให้ขึ้นกับคนอื่นไป มีอย่างหนึ่งคือ
ถ้าเชียร์แขกหาเด็กที่ถูกใจ เราก็ควรให้ทิปเขาเป็นสินน้ำใจ (นักเขียนใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่า
ท่านมักจะให้ทิปเชียร์แขกนิดหน่อยก่อน ถือเป็นจุดเรียกน้ำใจ แล้วถ้าถูกใจเด็กที่จัดให้จึงทิปเพิ่ม)
เพื่อวันหลังเขาจะได้แนะนำที่ดีๆให้อีก
เมื่อเลือกน้องได้แล้วก็จะออกมาหาเรา ปกติก็จะไหว้เรา เราควรรับไหว้ แต่บางคนแค่ยิ้ม
หวานๆให้ เราก็ยิ้มตอบ แล้วน้องจะพาเราขึ้นไปที่ห้อง ตอนนี้ส่วนมากยังไม่ต้องจ่ายเงิน
จะกลับมาจ่ายที่เคาน์เตอร์ตอนเสร็จแล้ว แต่ก็มีบางแห่งให้จ่ายเงินก่อนก็มี

7.ขั้นตอนการให้บริการของหมอนวด
พอเข้าไปในห้อง หมอนวดมักจะตรงไปเปิดน้ำร้อนน้ำเย็นใส่อ่างก่อน
สักเดี๋ยวก็จะมีเด็กเสริฟมาถามว่าจะสั่งอะไรมากิน ปกติเราก็มักจะสั่งน้ำ เบียร์หรืออะไรก็ตามแต่
เราต้องสั่งให้หมอนวดด้วยเป็นการแสดงน้ำใจที่ดี เมื่อเด็กเอามาเสริฟแล้ว ต้องทิปให้เด็กด้วย
(อย่าลืม) ระหว่างนั้นก็จะมี–บ้านเอาตะกร้าใส่อุปกรณ์พวกสบู่ น้ำยา–เชื้อ น้ำยาบ้วนปาก
กระดาษเช็ดหน้า ฯลฯ มาให้แล้วรีบออกไป หมอนวดก็เอาน้ำยา–เชื้อโรคไปผสมน้ำในอ่าง
แล้วเวลาการให้บริการของหมอนวด ก็จะเริ่มต้น
(มีข้อควรรู้อีกอย่าง ถ้าหากเรายังไม่ได้ทำอะไรกับหมอนวดจนถึงขั้นอมจู๋และ–กัน
เกิดเราไม่ถูกใจหมอนวดเลย เช่น ทำกิริยาไม่ดี พูดจาไม่ดี พอจะทำอะไรก็ไม่ให้ทำ
ตามที่คนเขาทำกันปกตินะ ก็ขอเปลี่ยนตัวหมอนวดได้ แต่ปกติแขกจะไม่เปลี่ยนตัว
เพราะมันทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี นอกจากเห็นว่าแย่มาก
จริง ๆ เท่านั้น)
หมอนวดที่ดีจะถอดเสื้อผ้าตัวเองแล้วมาช่วยเราถอดเสื้อผ้าเอาไปแขวน แล้วก็จะถอดชั้นใน
จนล่อนจ้อน บางทีอาจยังไม่ถอดเสื้อผ้าแต่ไปนั่งกันที่โซฟา แล้วอาจกอดจูบลูบคลำล้วงกัน
เป็นการอุ่นเครื่องก่อน ถ้าเกิดอารมณ์ได้ที่ก็อาจ–กันที่โซฟาก่อนอาบน้ำก็มี
ไม่มีอะไรมาขีดขั้นว่า จะต้องทำอะไรกันตอนไหน สุดแล้วแต่แขกกับหมอนวดเป็นหลัก
ปกติเมื่อล่อนจ้อนกันทั้งสองคนแล้วและน้ำเต็มอ่าง แขกและหมอนวดก็จะลงไปในอ่าง
แต่ก่อนลงอ่าง หมอนวดบางคนที่มีเทคนิคดีก็จะเปิดฝักบัวล้างจี๋มโชว์ก่อนลงอ่าง
และอาบน้ำให้แขกนิดหนึ่งก่อน แล้วจึงลงไปแช่ในอ่างกับแขกโดยหันหน้าเข้าหากัน
ให้แขกนอนเอนเอาหัววางบนผ้ารองซึ่งจะจัดไว้ด้านตรงข้ามกับก๊อกน้ำเสมอ
แล้วหมอนวดกับแขกจะขยับตัวให้ท่อนขาแถวสะโพกของแขกขึ้นไปทับอยู่บน
ต้นขาอ่อนทั้งสองข้างของหมอนวด เราไม่ต้องกลัวว่า
หมอนวดจะหนัก
เพราะอยู่ในน้ำตัวเราจะไม่หนักเท่าไร และก็เป็นท่ามาตรฐานหมอนวดที่ไหนๆ ก็ต้องทำอย่างนี้
เพราะทำให้หมอนวดถูทำความสะอาดแขกได้สะดวก แล้วหมอนวดจะขัดถูมือเท้าและตัวให้แขก
บางคนก็ล้างก้นให้แขกก็มี แล้วจัดการทำความสะอาดจู๋ของแขก รูดหนังหุ้มจู๋ทำความสะอาด
จนหมดจด (บางทีก็–ให้แขกไปเลย เรียกว่า”ขัดจรวด”)
ถ้าแขกไม่ต้องการให้ล้างถูตรงไหนก็บอกหมอนวดไป เพราะบางทีทำให้เสียเวลา
แต่ปกติหมอนวดมักจะล้างจู๋แขกให้สะอาดเพราะจะต้องอมมัน
ขั้นตอนการอาบน้ำ(อย่างเดียว)กินเวลาไม่เกินสิบห้านาที
แต่จะช้าเร็วก็ขึ้นอยู่กับหมอนวดด้วย หมอนวดบางคนอาจถ่วงเวลาอาบน้ำให้นาน ๆและ
ถ่วงเวลาตอนอื่นด้วยจะได้เหลือเวลาทำอย่างอื่น พวกอมดูด — น้อยหน่อยและจะได้
ไม่ต้องถูกเบิ้ล(–ครั้งที่สอง)ด้วย ซึ่งก็น่าเห็นใจมาก เพราะวันหนึ่ง ๆ หมอนวดที่เป็นดารา
ของที่นั่นบางคนอาจต้องบริการแขกสี่ห้ารอบก็มี อาจต้อง–กับแขกมากถึงหกเจ็ดหน
(มักเกิดกับอาบอบนวดที่บังคับให้ยอมแขกที่ต้องการเบิ้ล) ก็ต้องอ่อนเพลียเป็นธรรมดา
(แม้ปกติหมอนวดจะไม่ถึงจุดสุดยอดก็ตาม) ถ้ามีการถ่วงเวลากันบ้างแบบไม่น่าเกลียด
ก็อย่าไปถือสาหรือแสดงความไม่พอใจเลย เมื่อทำความสะอาดดีแล้ว

เริ่ม–ให้แขก(ขัดจรวด) หรืออม ดูด เลีย จู๋ของแขกสด ๆ ในอ่างอาบน้ำเลยก็มี (เรียกว่า
“เล่นน้ำ”หรือ”ดำน้ำ”) และอาจมีบ้างที่แขกเกิดอารมณ์มากเลย–กันในอ่างอาบน้ำ
หรือที่ขอบอ่างก็มี แต่ปกติแล้วจะออกจากอ่างน้ำแล้วหมอนวดก็จะช่วยเช็ดตัวแขกให้แห้ง
แล้วบอกให้แขกไปนอนคอยที่เตียง ขอแนะนำว่าเราควรมีน้ำใจรอช่วยเช็ดตัวให้หมอนวด
หรือรอช่วยอื่นๆ
เมื่อหมอนวดเช็ดตัวเองแห้งแล้วก็จะเตรียมถุงยางและขึ้นไปนอนเคียงข้างกับแขก
ตอนนี้ก็อยู่ที่แขกว่าจะให้เริ่มอะไรก่อน ถ้าแขกนอนเฉยๆไม่เริ่มเอง
หมอนวดก็จะเอากระดาษเช็ดจู๋ของแขกให้แห้งสะอาดดี แล้วจะเริ่มจูบเลียตามตัวแขก
ดูดนมแขก(ไม่ทุกคนที่จะเลียเนื้อตัวแขก) จนมาจบด้วยการอมจู๋เสมอ ซึ่งก็ไม่ได้อมเฉยๆตลอดเวลา
แต่จะอมเม้มปากรูดขึ้นลงตลอดลำจู๋ สลับกับถอนปากออกมาเลียตามส่วนหัวหรือลำตัวจู๋
หรือลงไปเลียและอมไข่ หมอนวดจะอมจู๋สดๆ หรือจะใส่ถุงยาง(ปลอก)ก่อนอม ก็สุดแล้วแต่เธอ
หมอนวดที่เก่งหรือในอาบอบนวดบางที่(ส่วนใหญ่เป็นที่หรูๆหน่อย) จะกลั้วปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก
ก่อนอมสด บางที่ก็ตั้งเป็นกฎให้พวกไซด์ไลน์ราคาสูงต้องกลั้วปากหรืออมยาอม–เชื้อก่อน
แลัวจึงอมสดๆ
สมัยก่อนถ้าอมโดยใส่ปลอก หมอนวดก็มักจะไม่อมหรือเลียไข่ เพราะขมลิ้นมาก
จากน้ำยาหล่อลื่นที่ละลายเนื้อยางที่ใช้ทำปลอก ซึ่งจะไปขังรวมอยู่มากตรงขอบๆใกล้ๆไข่
แต่ถ้าอมสดก็อาจจะเลียหรืออมไข่ให้ด้วย มาสมัยนี้ไม่ว่าจะอมสดหรือใส่ปลอก
แขกอาจขอให้เลียไข่หรืออมไข่ได้เพราะน้ำยาและเนื้อยางแทบไม่ขมแล้ว
ซึ่งหมอนวดบางคนก็ทำให้แต่บางคนก็ไม่ยอมทำให้ (มักอ้างว่าพอจู๋แข็งแล้วเลียไข่ก็ไร้ผล)
ในอาบอบนวดบางแห่งเปอร์เซ็นต์ที่หมอนวดเคยอมสด ๆอาจมีมากถึงเกือบครึ่งหนึ่ง
บางแห่งอาจถึง 75 เปอร์เซ็นต์(เพราะเป็นนโยบายของสถานที่ แต่ไม่ได้–ยความว่า
ในจำนวนพวกที่อมสด เธอจะอมสดทุกครั้งไป) แต่บางแห่งก็มีน้อยในราว 30 เปอร์เซ็นต์
การอมจู๋ของแขกถือเป็นบริการมาตรฐานของหมอนวดทุกคนและทุกแห่งจะต้องทำ
(อันนี้แตกต่างจากซ่องอย่างเห็นได้ชัด) การอมจู๋จะนานหลายนาที อาจถึงสิบนาทีก็ได้
การอมจู๋สด ๆ นี้ มีกฏกติกามารยาท อยู่อย่างหนึ่งที่แขกพึงปฏิบัติคือ ถ้าเสียวจนน้ำอสุจิ
กำลังจะพุ่งออกมาจะต้องบอกให้หมอนวดรู้จะได้ถอนปากออกทัน ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะปล่อยให้
น้ำพุ่งเข้าปากโดยไม่บอกก่อน แต่ถ้าบอกแล้วหมอนวดยังทำต่อก็แสดงว่าเต็มใจให้น้ำอสุจิเข้าปาก
ก็ปล่อยให้พุ่งเข้าปากได้ ปกติมีน้อยคนที่ยอมให้–ในปาก มักจะยอมกับแขกขาประจำ
เพราะผู้หญิงส่วนมาก(หมอนวดด้วย)รังเกียจการมีน้ำอสุจิในปาก (ในน้ำอสุจิของคนเป็นเอดส์
จะมีเชื้อเอดส์จำนวนมาก ทำให้มีโอกาสการติดเชื้อได้ แม้ว่าการติดเชื้อโดยการอม เลีย
อวัยวะ– จะมีโอกาสน้อยมากก็ตาม ยิ่งถ้ากลืนลงไปเชื้อจะถูกน้ำย่อย—-หมด)
ปกติเมื่อน้ำออกโดยการอม หมอนวดในหลายสถานที่จะให้แขก–จนหลั่งอีกหนหนึ่ง
แต่มีหมอนวดบางคนโดยเฉพาะพวกไซด์ไลน์หรือในสถานที่หรูจัดๆบางแห่งจะทำให้แค่แขก
หลั่งน้ำหนเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นในที่แห่งนั้นจะต้องถามหมอนวดหรือสาวไซด์ไลน์
ให้ดีก่อน มิฉะนั้นอาจผิดหวังหรืออาจต้องให้เงินเพิ่ม(ทิป)ถึงได้–จริง ส่งผลให้เกิดผิดใจกันได้
เมื่อหมอนวดอมจู๋แล้ว บริการมาตรฐานอีกอย่างหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ
หมอนวดต้อง–กับแขก ไม่ว่าแขกคนนั้นจะแก่,หนุ่ม อ้วน,ผอม สูง,เตี้ย ขาว,ดำ
หรือไม่ถูกสเป็คของหมอนวดเลยก็ตาม เพราะเป้า–ยของคนเที่ยวอาบอบนวด
คือการ–กับหมอนวด จึงเป็นหน้าที่ของหมอนวดต้องช่วยให้แขกหลั่งน้ำโดยการ–ให้ได้
แต่ถ้าไม่สามารถทำให้หลั่งโดยการ–ก็ต้องช่วยโดย–หรือดูดจู๋ให้จนเสร็จก่อนหมดเวลา
แต่ถ้าหมดเวลาแล้วหมอนวดก็หยุดและลงไปจากห้องได้
หากแขกยังต้องการให้เสร็จก็ต้องเสียเงินต่อรอบใหม่อีก
ในการ–กับแขก หมอนวดจะยอมให้แขก–สดๆ โดยไม่ใส่ปลอก หรือให้ใส่ปลอกก็ได้
ขึ้นอยู่กับหมอนวดเป็นหลัก แขกไม่มีสิทธิเลือกไม่ใส่ปลอก หมอนวดบางคนต้องการให้แขกติดใจ
ก็มักจะให้แขกทำอะไรสด ๆ ได้หลายๆ แบบ เช่น ยอมให้–สด ๆ โดยให้ฉีดน้ำใส่จี๋ม
จนหมดหยดสุดท้ายเลย หรือให้ชักเข้าออกสด ๆ ได้เต็มที่จนเสียวทนไม่ไหวแล้วให้ชักออกมา
หลั่งข้างนอกรูจี๋ม เช่น บนท้องน้อย ,เต้านมหรือแม้แต่บนหน้าของเธอ (ใส่ปากก็เคยเจอมา)
หมอนวดบางคนยอมให้สอดใส่สด ๆ และเดินลำไปสองสามที แล้วให้แขกเอาออกมา
สวมปลอกแล้วทำต่อจนเสร็จ
บางคนแค่ยอมให้แขกเอาจู๋ถูไถกับจี๋มด้านนอกได้แพล๊บเดียว
บางคนยอมให้ทำอย่างนั้นได้นานเท่าที่ต้องการตราบเท่าที่ไม่มีการสอดใส่สด ๆ
บางคนยอมให้เข้าสด ๆ แค่หัวนิดเดียวแล้วให้เอาออกทันที
การ–กับหมอนวดโดยไม่ใส่ถุงยางเป็นเรื่องเสี่ยงติดโรคเอดส์ได้ นี่ยังไม่นับรวมถึง
กามโรคเดิมๆที่ยังอาละวาดอยู่ เพราะแม้สถานอาบอบนวดส่วนใหญ่จะตรวจเลือดหมอนวด
ตอนเข้าทำงานใหม่ ๆ และตรวจทุกสามเดือน แต่ก็ไม่รับรองว่าหมอนวดทุกคนปลอดเชื้อเอดส์
และต้องรู้ไว้ด้วยว่าหมอนวดจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งเคยทำ(อาจไม่ประจำ)ดูดจู๋สดๆ และยอมให้
แขก–โดยไม่ใส่ถุงยาง ฉะนั้นจึงมีโอกาสมากที่จะติดเอดส์จากแขกได้ หรือแขกคนถัดไป
ได้รับเชื้อที่คาอยู่ใน น้ำเมือกหรือน้ำหล่อลื่น ซึ่งตกค้างอยู่ใน–
จากการที่ได้เคยพูดคุยกับแขกที่ไปเที่ยวและจากประสบการณ์เอง
น่าเชื่อว่ามีหมอนวดที่เคย–กับแขกโดยไม่ใส่ถุงยางเป็นประจำ(ไม่ทุกครั้ง)ไม่น้อยกว่า
จึงรวมหมอนวดที่เคยให้แขก–โดยไม่ใส่ถุงยางถึงประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
อย่างนี้ย่อมเห็นได้ชัดว่าไม่ควร–สด ๆ กับหมอนวด
แต่เมื่อมีความจริงอยู่ว่ามีการ–กันสด ๆ กับหมอนวดกันจำนวนมาก
จึงอยากแนะนำว่าการติดเชื้อเอดส์มักเกิดจากเชื้อเข้าทางแผลไม่ใช่เข้าโดยตรงทางเนื้อเยื่อ
ดังนั้นถ้าหากจะ–สดกับหมอนวดก็จะต้องพยายามทำให้จู๋ลื่นมาก ๆ
การที่จะพึ่งแต่เพียงน้ำเมือกหล่อลื่นจากรูจี๋มเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
(นอกจากเห็นว่าน้ำหล่อลื่นของหมอนวดคนนั้นมีมากจริง ๆ และเปียกทั่วถึงข้างนอกรู!
ซึ่งมีน้อยคน) ควรใช้เ–เยลลี่(หรือยี่ห้ออื่นที่มีตัวยา–เชื้อจะยิ่งดีมากแต่ต้องซื้อไปเอง)
ชะโลมจู๋ให้ลื่น และเอาไปละเลงที่จี๋มของหมอนวดทั้งข้างนอกและข้างในให้ลื่นแล้ว
จึงบรรจงสอดจู๋ใส่เข้าไปในในจี๋ม โดยค่อย ๆ กดเข้าไปทีละน้อยอย่ารีบร้อนรุนแรง
พยายามอย่าให้หนังหุ้มจู๋ดึงรั้งจนปริเป็นแผลเล็ก ๆ
แต่ถ้าไม่มีเ–เยลลี่ก็ให้สวมถุงยางและบีบนวดให้จู๋เปียกน้ำยาหล่อลื่น(ที่มากับซองถุงยาง)
จนทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงบริเวณหนังหุ้มหัวจู๋และตรงเส้นสองสลึง
เสร็จแล้วให้สอดจู๋เข้าไปในจี๋ม เดินจู๋เข้าออกช้าๆจนแน่ใจว่าช่องจี๋มมีน้ำยาหล่อลื่นจาก
ปลอกชะโลมทั่วดีแล้ว จึงชักจู๋ออกมาถอดปลอกออก เมื่อชักออกมาแล้วก็อย่าปล่อยไว้นานจนแห้ง
แต่ให้สอดเข้าไปในจี๋มช้า ๆ ถ้ารู้สึกว่าเส้นสองสลึงเริ่มตึงให้หยุดการสอดคาไว้เฉยๆ ก่อน
แล้วค่อยดันเข้าไปช้า ๆ ทีละนิดอย่ากดลงไปแรง จนกระทั่งจู๋เข้าไปได้หมดเข้าที่ดีแล้ว จึงค่อยๆ
เริ่มกระทุ้งจู๋เข้าออกได้ แต่ต้องทำค่อยๆ ช้าๆ ด้วย ต่อเมื่อรู้สึกว่าลื่นสะดวกดีแล้วจึงทำเร็วขึ้นได้
ถ้าทำอย่างนี้การสอดใส่และเดินลำเข้าออกก็จะไม่เกิดแผลปริแตก

น้ำยาหล่อลื่นคือหัวใจของการลดการติดเชื้อเอดส์(และกามโรคอื่นๆ)จากการ–สด
ใน การ–สด ๆนั้นไม่ควรหลั่งน้ำอสุจิใน– โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยตรวจเลือด
(เพราะไม่มีทางแน่ใจว่าในตัวเราหรือหมอนวดมี เชื้อกามโรครวมทั้งเชื้อเอดส์หรือไม่)
ความจริงเมื่อหมอนวดยอมให้–สดแล้วก็ควรพอใจ เมื่อกระทุ้งจี๋มได้นานพอเริ่มเสียวแล้ว
ก็น่าจะถอนออกมาแล้วใส่ปลอก–ต่อไปจน– ก็จะปลอดภัยต่อตัวเราและหมอนวดมากขึ้น
เพราะ ปกติเมื่อเริ่มเสียวมากก็จะมีน้ำเคลื่อนออกมาบ้าง
อาจนำเชื้อกามโรคและเอดส์ออกมาได้(ถ้ามีเชื้อเอดส์อยู่) และเป็นทางให้เชื้อเข้าตัวเราได้
เราควรสำนึกอย่างมากว่า การที่หมอนวดให้–สด ๆ ก็เป็นเรื่องพิเศษมากแล้ว
ไม่ควรเพิ่มความเสี่ยงให้หมอนวด,ตัวเราและแขกคนถัดไปอีก

อีกเรื่องหนึ่งที่แขกอยากได้มากคือการ–หมอนวดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง(เบิ้ล)
ปกติถือว่าหมอนวดมีหน้าที่–กับแขกจน–รอบละหนเท่านั้น
แต่ก็มีหมอนวดอีกมากและในสถานอาบอบนวดบางแห่งต้องการลูกค้ามากๆ จะบังคับกลายๆ
ให้หมอนวดยอมให้แขก–จนเสร็จได้ถึงสองรอบ ซึ่งจะเป็นที่ไหนหรือหมอนวดคนไหน
เมื่อ–กันแล้วมีปัญหาว่าจะปัสสาวะที่ไหน ปกติในห้องอาบอบนวดไม่มีที่ปัสสาวะ
การที่จะออกไปข้างนอกก็ไม่มีใครไปเพราะขลุกขลักอย่างยิ่ง
ปกติจึงปัสสาวะตรงช่องระบายน้ำทิ้งที่อยู่นอกอ่างแล้วรีบฉีดน้ำล้างให้ลงไปโดยเร็ว
อย่าปัสสาวะในอ่างเพราะเราใช้อาบร่วมกัน (แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องรีบล้างอ่างให้สะอาด)

ย้อนกลับไปข้างต้นตอนขึ้นบนเตียงใหม่ ๆ หลังจากขึ้นจากอ่าง
ถ้าแขกต้องการแสดงเองเลย ก็ยังไม่ให้หมอนวดอมจู๋หรือให้อมสักนิดพอให้เกิดอารมณ์
แขกจะเป็นฝ่ายรุกซุกไซ้เล้าโลมหมอนวดก็ย่อมทำได้
คราวนี้มีปัญหาอยู่ว่าแขกจะทำอะไรกับหมอนวดได้บ้าง ปกติแขกทำอะไรกับแฟนได้
ก็ทำกับหมอนวดได้ บางอย่างอาจทำกับหมอนวดได้มากกว่าแฟนที่บ้านเสียอีก
สรุปที่ทำได้แน่ ๆ ก็คือกอดจูบ(หมอนวดจำนวนมากไม่ให้จูบปากก็อย่าไปฝืน)
แต่ยอมให้จูบแก้ม หน้าผาก ซุกไซ้ จับ บีบคลึงเต้านม ซึ่งเราไม่ควรบีบจนหมอนวดเจ็บปวด
ดูดหัวนม(หมอนวดบางคนอาจให้ดูดนมนิดเดียวเพราะกลัวหัวนมดำเร็วไป โดยมากเป็น
พวกไซด์ไลน์ แต่ปกติก็ยอมให้ดูดและจับนานเท่าที่แขกต้องการ) ลูบคลำจี๋ม คลึงคลิต
(คลิตอริส(Clitoris),ปุ่มกระสันต์)
การล้วง(ไช)เข้าไปในจี๋ม หมอนวดบางคนอาจไม่ให้เพราะกลัวเล็บสกปรก หรือข่วนรูจี๋ม
แต่ส่วนใหญ่มักยอม(บางคนขอทิป) ซึ่งแขกก็ต้องทำค่อย ๆ และต้องดูก่อนว่านิ้วเรา
มีแผลหรือเปล่า ถ้ามีก็ห้ามทำเด็ดขาด
เรื่องการซุกไซ้เล้าโลมหมอนวดนี้ มีสิ่งหนึ่งที่แขกหลายคนชอบทำกับหมอนวด
และมีหมอนวดบางคนชอบให้แขกทำให้มาก แต่บางคนก็ไม่ยอม (ยกเว้นมีทิป)
สองพวกนี้มีสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง นั่นคือการเลียจี๋มเลียคลิต
จากการสอบถามหมอนวดมีหลายสิบเปอร์เซ็นต์เคยถูกแขกเลีย!และคลิต
ปกติหมอนวดที่ถูกเลียจี๋มและคลิต อย่างเต็มความรู้สึก,ไม่ฝืนใจ จะถึงจุดสุดยอดในเวลาไม่นาน
(สักเจ็ด,แปดหรือสิบนาที)ถ้าหากแขกเลียเป็น แต่ถ้าแขกทำไม่เป็นก็จะไม่เสร็จ
ซึ่งการถึงจุดสุดยอดจากการถูกเลียก็จะง่ายกว่าการ–กันและจะเสียวกว่าการ–กันมาก
หมอนวดทุกคนจะบอกว่าการเลียที่จะทำให้เสร็จ จะต้องเลียไล้ไปที่หัวคลิตนาน ๆ อย่าหยุด
จนกว่าจะเสร็จ ไม่ใช่เลียเน้นที่รูจี๋มหรือแคมเล็ก,แคมใหญ่ ยกเว้นตอนอุ่นเครื่องซึ่งจะเลียเพื่อ
ให้หัวคลิตตื่นตัวจนโผล่ขึ้นมา ถ้าหัวคลิตไม่โผล่ก็ให้แหวก,ปลิ้นกลีบแคมเล็ก ออกมาให้หัวโผล่
แต่บางคนก็ไม่โผล่เพราะจมลึก(ขึ้นอยู่กับแต่ละคน) อาจต้องช่วยดูดขึ้นมา ซึ่งหมอนวดจะ
เสียวมากตอนถูกดูด (บางคนจะถึงสุดยอดได้) แต่ไม่ได้แปลว่าให้ดูด(หรือเลีย)หัวคลิตทันที
ตั้งแต่เริ่มทำ (เพราะถ้าผู้หญิงยังไม่มีอารมณ์การแตะถูกหัวคลิตดิบๆจะทำให้เจ็บชา)
สำหรับเรื่องการเลียจี๋มของหมอนวดนี้ไม่ขอแนะนำให้ทำ(ใช้นิ้วล้วงไชและจูบฟัดแทนได้)
เพราะหมอนวดผ่านการ–กับคนจำนวนนับร้อยหรือนับพันคน
จึงอาจติดเชื้อโรคได้ง่าย ให้ทำกับภรรยาเท่านั้น(อย่างเต็มที่ด้วย)

มีอีกเรื่องหนึ่งคือการ–ทางทวารหนัก ปกติหมอนวดไม่มีหน้าที่ให้แขกร่วมทางทวารหนัก
แต่บางคนอาจยอมก็สุดแล้วแต่จะตกลงกัน การร่วมทางทวารหนักเป็นเรื่องเสี่ยงมาก
เพราะธรรมชาติไม่ได้สร้างให้ทวารหนักมีไว้–กัน
จึงไม่มีน้ำหล่อลื่นจะทำให้เนิ้อเยื่อบุเกิดแผลปริฉีกขาดได้ง่าย ทั้งชายและหญิง
การเกิดแผลบาดเจ็บและติดเชื้อเอดส์จึงเกิดได้ง่ายกว่าทางอื่น อีกอย่างแม้จะระวังใช้น้ำมันหล่อลื่น
แล้ว กล้ามเนื้อที่หูรูดทวารหนักซึ่งแข็งแรงมากกว่า!อาจจะรัดจู๋ของเราจนบอบช้ำได้
ทำให้เกิดการอ้กเสบในท่อฉี่จนมีเลือดออกตอนฉี่ได้ (เยี่ยวเป็นเลือด)
เมื่อ–กันเสร็จแล้วถ้ายังมีเวลาเหลือแขกมีสิทธิอยู่ในห้องต่อไปจนกว่า
จะมีเสียง–ศัพท์ขึ้นมาบอกว่าหมดเวลาแล้ว จะต่อรอบอีกหรือเปล่า
ถ้าไม่ต่อก็ลงไปจ่ายเงิน บางที่ให้จ่ายก่อนแล้วก็กลับได้ แต่ก็อาจพบให้จ่ายค่าของใช้พิเศษอื่นๆ
เพิ่มอีกเล็กน้อย เช่นค่าแชมภู ถ้าให้หมอนวดสระผมให้(เคยเจอมา) ที่เจอบ่อยมักเป็นค่าถุงยาง
อันที่สองและสาม เราก็ควรจ่าย อย่าไปขี้เหนียว (ยกเว้นว่าแพงเกินไปก็ต้องโวยวาย)
ยังจะไม่แต่งตัวเพราะจะเท่ากับเป็นการเร่งให้แขกกลับ(จะแต่งต่อเมื่อใกล้จะหมดเวลา)
ในช่วงดังกล่าวก็อาจทำอะไรกันได้ที่ไม่ถึงกับเป็นการ–กัน
แต่บางทีหมอนวดที่ใจดีก็อาจให้แขก–อีกหนหนึ่งเพราะหนแรกอาจใช้เวลาแค่สองสามนาที
(หลั่งเร็ว) ถ้าหากขณะกำลัง–กันกันก็หมดเวลาพอดี เราก็อาจทำต่อไปได้อีกสักไม่เกินสิบนาที
โดยหมอนวดจะตอบไปว่าจะเสร็จแล้ว ขอเวลาอีกนิด หรือไม่ก็บอกว่ากำลังกินข้าวจะหมดแล้ว
หรือกำลังแต่งตัว หรืออ้างเหตุอะไรก็ได้ เขาก็ไม่ว่าอะไร ส่วนแขกก็ต้องเร่งโขยกให้เสร็จเร็วๆ
ต่อจากนั้นก็แยกกัน ถ้าติดใจหมอนวดก็อาจขอเบอร์–ไว้ ส่วนเราไม่ควรให้เบอร์–บ้าน
ถ้าหากเรามีครอบครัว เพราะอาจมีการ–ไปที่บ้านทำให้ยุ่งยากมากปัญหา
ปกติถ้าแขกไปเที่ยวหมอนวดคนไหนบ่อย ๆ เป็นเวลานานเป็นเดือนเป็นปีก็จะสนิทกัน
เป็นขาประจำหมอนวดคนนั้นมักให้บริการดีกว่าปกติ บางครั้งสิ่งที่ไม่ทำกับแขกคนอื่น
ก็อาจทำกับแขกขาประจำ เช่น ยอมให้–และอมจู๋สด ๆ
และบางทีก็ไปเที่ยวหรือไป–กับแขกในเวลาที่ไม่ได้ทำงานด้วย
เรียกว่าพอแขกคนนั้น–หาก็จะไปหาไม่มีอิดเอื้อน เรื่องเงินไม่มีการเรียกร้อง
ส่วนใหญ่แขกจะให้เงินบ้างตามสมควร มักเป็นแขกจะหลงให้เงินไปมากกว่า
(มีศัพท์เรียกการเป็นขาประจำว่า “ผูกปิ่นโต” ถ้าถึงขั้นขอให้หมอนวดหยุดทำงานไปเลยเรียกว่า”รับเลี้ยง”)

สำหรับผู้ชายที่อยากจะ–เป็นครั้งแรกในชีวิต(ขึ้นครู)กับหมอนวด
ก็ขอแนะนำให้ไปหาอาบอบนวดที่หมอนวดยอมให้เบิ้ลได้
หากว่า–เร็วไปจะได้แก้ตัวได้อีกที ขอให้พยายามระงับความตื่นเต้นไว้
ถ้าจะบอกกับหมอนวดว่าเพิ่งเคยมาเที่ยวอาบอบนวดก็ไม่น่าจะต้องอาย ตัวผมเอง(จิ้งเหลนไฟ)
ก็เข้าอาบอบนวดครั้งแรกตอนอายุ 33 ปี หรือถ้าอายจะบอกก่อนเลยว่าอาจจะขอเบิ้ล เพราะ
เป็นคนหลั่งเร็วก็ได้ แล้วเตรียมทิปเพิ่มให้จะดีขึ้นอีก หมอนวดจะได้ช่วยเต็มที่และ
อาจได้รับบริการดีเป็นพิเศษ สำคัญอย่างเดียว
หมอนวดอาจไม่เชื่อ อาจเห็นว่าพูดหลอกลวง
เพื่อให้เธอบริการอย่างดีๆสดๆ
มีข้อหนึ่งที่จะเตือนคือ ถ้าหากหมอนวดเชื่อว่าไม่เคยจริงๆ(โดยมากกับหนุ่มน้อยหน้าตาดี )
เธอจะบริการให้สดๆทุกอย่าง อย่าได้ปล่อยอารมณ์ชั่ววูบหลวมตัวทำสดกับหมอนวดนะ
ประเดี๋ยวติดโรคเอดส์หรือกามโรคอื่นจะหาว่าไม่เตือน

8.คำแนะนำสำหรับคนที่ชอบหลีกเลี่ยงไม่ใส่ถุงยาง
จากผลการศึกษามานานแล้วพบว่าโอกาสติดเชื้อจากการ–สดต่อครั้งมีในราวๆ 2 เปอร์เซ็นต์
(จำตัวเลขแน่ชัดไม่ได้) และจากข้อเท็จจริงที่พบว่าพวกหมอพยาบาลที่ถูกเข็มที่มีเชื้อเอดส์ตำ
จะติดเชื้อเอดส์ประมาณแค่ 0.4 เปอร์เซ็นต์(แต่เขาจะให้กินยาต้านไวรัสเอดส์ทันทีจึงช่วยได้มาก)
และเด็กที่เกิดจาก–ที่เป็นเอดส์ ก็ติดเชื้อประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์
แต่ถ้าให้–กินยาต้านเอดส์ตอนท้องก็จะช่วยทำให้ลดลงเหลือแค่แถว ๆ 10 เปอร์เซ็นต์
และยังพบด้วยว่าเชื้อเอดส์ไม่สามารถผ่านเข้าสู่เซลทางผิวหนังปกติ(คือไม่มีแผล)
ส่วนทางเยื่อเมือก(ที่บอกว่าติดทางเยื่อเมือกก็เช่นแค่เนื้อเยื่อจู๋เสียดสีกับเยื่อเมือกของ–
เชื้อก็ซึมติดกันได้แล้วโดยไม่ต้องมีแผลเลย)เช่น ในจี๋ม ปากมดลูก รูปัสสาวะ นั้น
เดิมทีก็คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ แต่ในปัจจุบันก็ยังไม่ถึงกับยืนยันว่าได้หรือไม่ได้อย่างเด็ดขาด
แต่ก็เชื่อกันมากว่าน่าจะไม่ได้ เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่อคู่ผัวเมียคนใดคนหนึ่งเป็นเอดส์
และยังคง–กันต่อไป ก็ปรากฏว่าคู่ของตนไม่เป็นเอดส์ทุกคน หรือถ้าติดก็ไม่ได้ติดทันที
แต่ติดในเวลาห่างกันมากก็มี จึงมีการสัณนิษฐานว่าสาเหตุใหญ่น่าจะติดเชื้อทางแผลเล็ก ๆ
ที่อวัยวะ– ซึ่งสาเหตุที่มาน่าจะเป็นดังนี้ ปกติการ–กันระหว่างผัวเมีย
บางครั้งผัวก็เล้าโลมจนเมียเสี้ยนเต็มที่ ในจี๋มมีน้ำเมือกหล่อลื่นออกมามากจนเยิ้มมาถึงข้างนอก
และฝ่ายผัวเองมีน้ำนำร่องออกมาจุกที่ปลายจู๋ เวลาผัวสอดจู๋ใส่จี๋มจึงเข้าได้ไม่ยากนัก
(แต่ก็ไม่คล่องอยู่ดีแหละทุกคนคงรู้อยู่แล้ว) จึงไม่มีแผลปริ
แต่ในบางครั้งเมื่อจะ–ไม่เล้าโลมเมีย (เพราะต้องรีบกลัวลูกตื่น หรือด้วยเหตุผลอื่น)

ปากรูจี๋มปกติก่อนจะถูกจู๋เสียบถ่างออกไปจะมีขนาดเล็กกว่าจู๋มาก เมื่อจี๋มยังแห้งอยู่และ
จู๋ก็แห้งอยู่เหมือนกัน ก็จะฝืดมากดึงรั้งหนังหุ้มจู๋โดยเฉพาะตรงบริเวณเส้นสองสลึง
ถ้ายังพยายามจะดันลงไปแรง ๆ หนังตรงนั้นก็จะปริเป็นแผลเล็กๆ ยิ่งถ้าทำแรงมากก็จะ
ทำให้ปากรูจี๋มเป็นแผลถลอกเล็กๆได้
(ที่พวกผู้หญิงบอกว่า “ค่อย ๆ นะมันเจ็บ” นั่นแหละส่วนมากก็เป็นตอนสอดจู๋นี่แหละ)
แผลพวกนี้อาจเล็กมากจนเราไม่ทันสังเกต แต่ถ้าใหญ่นิดนึงเวลาล้างน้ำจะแสบนิด ๆ
(เราทุกคนคงเคยเจอมากันทั้งนั้นแหละ) ทีนี้ไม่ว่าแผลใหญ่เล็กแค่ไหนจะต้องมีเลือด
และน้ำเหลืองออกทั้งนั้น มันจึงมีเชื้อปนออกมา ถ้าหากฝ่ายหญิงเป็นเอดส์แต่ชายไม่เกิดแผล
หรือกลับกันชายเป็นเอดส์แต่หญิงไม่เป็นแผล ก็จะไม่ติดถึงอีกคน ถ้าเกิดแผลพร้อมกันทั้งสองคน
จึงเปิดโอกาสให้เชื้อผ่านสู่อีกคนนึงได้ ถ้าหากเชื้อเอดส์สามารถติดโดยผ่านทางเยื่อเมือก
ก็คงติดเชื้อกันตั้งแต่–กันครั้งแรกแล้ว(หรือตอนอมเลียกันสด ๆ) เพราะว่า
เชื้อเอดส์ออกมากับน้ำเมือกหล่อลื่นในช่องจี๋มและในน้ำอสุจิเป็นจำนวนมาก
ก็ต้องมีบ้างละที่เชื้อเอดส์จะเข้าทางเยื่อเมือกในรูจู๋ท่อฉี่ของชาย กับทางเยื่อเมือกในจี๋ม,ปากมดลูก
ตั้งแต่ตอน–กันครั้งแรก นับแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งติดเชื้อเอดส์มา

สรุปว่าการ–ระหว่างคู่ผัวเมียที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นเอดส์ไม่ทำให้อีกฝ่ายติดทุกคน
และทันทีที่มีการ–กัน จึงสันนิษฐานว่ามันติดกันทางแผลถลอกเป็นหลัก
นอกจากนี้จากการศึกษายังพบว่าการติดเอดส์จะเกิดได้ง่ายมากถ้าหากคนนั้นติดเชื้อกามโรคอยู่
เพราะเชื้อกามโรคจะทำให้เนื้อเยื่ออักเสบเป็นแผลนั่นเองเชื้อเอดส์จึงเข้าได้ง่ายขึ้น

คำแนะนำที่ผมจะเขียนแนะนำต่อไปนี้ไม่ใช่สนับสนุนให้ไปเอาสดกับหมอนวดนะ
แต่เพราะมีนักเที่ยวมากมายที่ชอบเอาสด ๆ จะห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่ได้ลองชอบซะแล้ว
เอาช้างมาฉุดก็เอาไม่อยู่(การที่มีติดเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้นทุกวันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าต้องมีการเอาสดกัน
เยอะแยะ) เพราะฉะนั้นเมื่อห้ามไม่ได้ ก็ต้องสอนวิธีที่จะลดโอกาสติดเชื้อลงไปให้มากที่สุด

เมื่อเรารู้ว่าสาเหตุสำคัญเกิดจากการมีแผลถลอกตอนสอดจู๋เข้ารูจี๋ม
หลักใหญ่ในการป้องกันก็คือทำให้จู๋ ,รูจี๋ม และบรรดาเนื้อบริเวณนอกรูจี๋ม
มีความลื่นมากที่สุด (การหล่อลื่น) เพื่อลดการเสียดสีระหว่างจู๋เนื้อบริเวณปากรูจี๋ม
ซึ่งก็ทำได้ง่าย ๆ โดยเอาเควายเยลลี่(หรือเยลหล่อลื่นแบบอื่น น้ำสบู่ น้ำแชมพูก็ใช้แทนได้)
ละเลงด้านนอกปากรูจี๋ม,–และกลีบเนื้อนาง(แคมเล็ก)ให้ลื่นปรื๊ด (บริเวณผิวเนื้อรอบๆ
ส่วนข้างนอก(โคกประกับหรือแคมใหญ่)ก็ทาบางๆด้วย) แล้วบีบใส่นิ้วล้วงเข้าไปกวาด
ใน–ให้ทั่ว
อันนี้จำเป็นมากโดยเฉพาะถ้าผู้หญิงมีจี๋มที่เล็กฟิตมาก ๆ แต่ถ้ามีจี๋มที่ใหญ่พอ
อาจไม่ต้องเอาไปกวาดใน–อีก ทำตรงบริเวณปากรูจี๋มส่วนต้นๆ ก็พอ
มิฉะนั้นเวลา–กันจะรู้สึกลื่นหลวมมากไม่สนุก ยกเว้นถ้าชอบลื่นๆก็ล้วงไชทากันให้สนุกเลย
เสร็จแล้วให้เอามาทาที่หัวจู๋และลำตัวจู๋ส่วนสามนิ้วแรกให้ทั่วดี
ส่วนที่เหลือไม่ต้องทามากก็ได้ เพราะส่วนนั้นจะไม่เกิดแผลจากการสอดใส่
ที่สำคัญเมื่อทาแล้วก็ต้องสอดใส่ทันที อย่าปล่อยไว้นานเพราะมันแห้งได้เร็วเหมือนกัน
ตอนสอดจู๋ก็ต้องทำค่อย ๆ อย่ากระแทก ถ้าหากเส้นสองสลึงตึงก็ต้องหยุดดูให้แน่ใจ
ว่ายังลื่นอยู่ถ้าไม่ลื่นพอก็เอาเยลหล่อลื่นทาซ้ำโดยชักออกมานิดนึงแต่อย่าให้หลุด
แล้วกดลงไปใหม่ทีละนิด ๆ จนเข้าไปหมดลำแล้ว ก็ควรหยุดสักนิดแล้วค่อย ๆ ขยับเข้าออกนิด ๆ
น้ำเมือกหล่อลื่นน่าจะออกมาอีก ตอนนี้ก็ลองชักออกสักนิ้วสองนิ้วและดันเข้าไปช้าๆ
สังเกตดูว่าฝืดมากหรือไม่ถ้าเข้าออกดีแล้ว ก็ลองชักออกยาว ๆและดันเข้าไปใหม่

2 thoughts on “คู่มือลงอ่าง”

  1. อาบ อบ นวด
    ในรวมบทความอาบอบนวดนี้ ประกอบด้วย
    xXx อยากรู้จัง อาบ อบ นวด เป็นยังไง ไม่เคยเข้าไปเลยซักที
    xXx ถามท่านชาย ใครเคยไป อาบ อบ นวด บ้าง
    xXx วันก่อนไปอาบอบนวดมาละ
    xXx อยากไปอาบอบนวด ขอคำแนะนำ
    xXx เที่ยวสาวอย่างไรไม่ให้หล่น
    xXx แย่จังต้องพาลูกค้าเข้าอาบอบนวดแต่เที่ยวไม่เป็นอ่ะค่ะ ???
    xXx วิธีในการเลือกหมอนวด
    xXx อาบอบนวดคนงบน้อย – ตีแผ่ อาบอบนวดคนงบน้อย อาบ อบ นวดเกรดล่าง…ความภูมิใจของคนงบน้อย
    xXx อาบ อบ นวด ปลอดภัยจากโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์จริงรึป่าว ???
    xXx อาบอบนวดสาว – สาวขายตัว อ่างน้ำดีกว่าเสี่ยเลี้ยง
    xXx อาบอบนวดไม่เคยตาย และรวบรวมบทความ เกี่ยวกับอาบอบนวด

    *** คำเตือน ***
    โรคเอดส์(HIV) กับ คนไทย
    ตอนนี้ ในไทยมีผู้ติดเชื้อสะสม 1.1 ล้านราย
    และเสียชีวิตไป 5 แสนกว่ารายถ้าจำไม่ผิด
    ดังนั้น เชื้อ hiv อยู่ไกล้ตัวคุณ มากกว่าที่คุณคิดนะครับ

    xXx ตามใจปากเป็นหมู ตามใจจู๋เป็นเอดส์
    1 คน 1 คู่ หยุดสำส่อนทางเพศ ประเทศไทยลดโรคเอดส์ได้ xXx
    *** news.matethai.com เซ็กส์ที่ปลอดภัย เพื่อคนไทยไกลเอดส์ ***
    http://www.news.matethai.com/xxx/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%9A-%E0%B8%AD%E0%B8%9A-%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94/

Leave a Reply