ความรักที่เข้าใจ

ความรักที่เข้าใจ
จากการที่ได้มีคนไปวิเคราะห์มาแล้ว
ความรักของผู้ชายกับผู้หญิงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ
คำว่าเอาใจเขามาใส่ใจเรา ใช้กับความคิดของผู้ชายและผู้หญิงไม่ได้นะครับ
ทำไมนะหรอ เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังนะครับ

 ความรักที่เข้าใจ
ภาพความรักที่เข้าใจภาพนี้ เป็นภาพของน้องวิวและบิ๊ก 2 Tango คับ น้องวิวได้ที่1 ส่วนน้องบิ๊กได้ที่2 ครับ เห็นแล้วน่ารักดีทั้งคู่เลยนะครับ

ความรักที่เข้าใจ
เมื่อแต่งงานกันแล้ว ผู้ชายอยากให้ผู้หญิงเข้าใจเขามากขึ้น รักเขาให้น้อยลง
ส่วนผู้หญิงอยากให้ผู้ชายรักเธอมาก ๆ แล้วเข้าใจน้อย ๆ ฟังแล้วงงไหมครับ

ความรักที่เข้าใจ
ผู้หญิงเวลารักมากก็จะจู้จี้มาก(ในความรู้สึกผู้ชาย)
ผู้ชายจึงอยากให้ผู้หญิงรักเขาน้อยลงแต่เข้าใจเขามากขึ้น
เช่นทำไมเขาถึงต้องมุ่งทำงานหนัก แล้วไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ

ความรักที่เข้าใจ
ผู้ชายเวลารักมากก็จะพยายามเข้าใจผู้หญิงให้มากขึ้น
เช่นรู้ว่าเธอชอบสีชมพู เขาก็อาจจะซื้อของขวัญสีชมพูสวย ๆ
ให้เธอสักชิ้น แต่เขากลับพบว่า เธอไม่ชอบมัน ผู้ชายจะรู้สึกงงงงว่า
ก็วันก่อนเธอบอกว่าเธอชอบสีชมพู แต่วันนี้เธอไม่ชอบมัน ไม่ต้องงงไปหรอกครับ
และไม่ต้องไปพยายามเข้าใจเธอด้วย ผู้หญิงบางคนเป็นแบบนี้จริง ๆ
ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย แล้วคุณจะไปเข้าใจเธอได้ยังไง
แต่เธอก็จะชอบที่คุณซื้อของขวัญให้เธอ เพราะเธอชอบเวลาที่
คุณแสดงออกมาว่ารักเธอ ยิ่งคุณแสดงออกมาว่ารักเธอเท่าไหร่
เธอก็จะมีความสุขเท่านั้น คุณไม่ต้องเข้าใจเธอก็ได้
แต่คุณต้องแสดงออกว่าคุณรักเธอให้มากครับ
ผมพูดถึงกรณีปกตินะครับ ถ้าเป็นกรณีพิเศษคงต้องคุยกันเอง แหะ ๆ

มีอีกตัวอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจน ที่ได้มีคนทำวิจัยแล้วเหมือนกัน
เช่นเวลาดูหนังสยองขวัญสักเรื่อง เมื่อเกิดเหตุการร้าย ๆ ขึ้น
ผู้ชายจะคิดถึงเรื่องการหาทางออก และการเอาตัวรอด
เพราะธรรมชาติผู้ชายเป็นเด่นในเรื่องของการใช้เหตุผล
ส่วนผู้หญิงจะรู้สึกไปกับหนัง และปล่อยอารมณ์อินไปกับหนัง
นั่นเป็นเพราะผู้หญิงจะเด่นในเรื่องของอารมณ์ครับ
ผมถึงบอกว่า คำว่าเอาใจเขามาใส่ใจเราใช้กับความคิดผู้ชายผู้หญิงไม่ได้ครับ
ถ้าในกรณีปกตินะครับ

ขอจบบทความความรักที่เข้าใจ ของผมแต่เพียงเท่านี้นะคับ…
ส่วนข้างล่างเป็นบทความที่ผมเอามาจากเว็บอื่นนะครับ เห็นว่าน่าสนใจ
และมีประโยชน์กับคนอ่านครับ

ความรักที่เข้าใจ
ที่มา : www.clinicrak.com

ผู้ชายเลือกผู้หญิงอย่างไรกันน้า…
“อะไรถูก -อะไรผิด”และทำไมความคิดของผู้ชายถึงต่างจากคุณ
แต่อยากให้คุณเข้าใจว่าธรรมชาติของผู้ชายเป็นอย่างไร

สิ่งที่ผู้ชายสนใจในตัวผู้หญิงแบ่งออกเป็น 3 เรื่องใหญ่ ๆ คือ
(1) กามารมณ์
(2) ความรัก
(3) ความนับถือ

ทั้ง 3 ส่วน “แยกจากกัน” แต่สัมพันธ์กัน
ผู้ชายจะตัดสินใจเลือกผู้หญิงที่มีคุณสมบัติครบทั้งสามส่วนมาเป็นภรรยา
(***ส่วนอาจต่างกันไปสำหรับผู้ชายแต่ละคน)ส่วนผู้หญิงที่มี
คุณสมบัติไม่ครบจะเป็นแค่ทางผ่าน ฟังดูแย่จังเลยนะครับ

1.สิ่งแรกที่ผู้ชายสนใจ คือ “กามารมณ์” (รูป-เสียง-กลิ่น-รส-สัมผัส)
อันนี้เป็นด่านแรกที่ผู้ชายสนใจ ผู้ชายทุกคนจะเริ่มที่จุดนี้
ลองสังเกตดู ก่อนอื่นผู้ชายจะสนใจผู้หญิงที่สวย น่ารัก รูปร่างหน้าตาดี
ผิวพรรณดี แต่งตัวดี (เรื่องของรูปทั้งหลายที่ผ่านทางตา)
พูดจาไพเราะ เสียงหวาน เสียงออดอ้อน (เรื่องของเสียงทั้งหลายที่ผ่านทางหู)
กลิ่นกายหอมยวนใจ (เรื่องของกลิ่นที่ผ่านทางจมูก)
ความสุขจากการกอดจูบ มีเพศสัมพันธ์ (เรื่องของสัมผัสทั้งหลายที่ผ่านทางกาย)
ที่ผู้ชายพูดกันเล่น ๆ ว่า “ขาว สวย หมวย sex” นั่นแหละ
(***ส่วน ทางกาย 40% ทางตา 40% ทางหู 15% ทางจมูก 5%)
สำหรับเรื่อง sex นี่ถึงจะพิสูจน์ไม่ได้แต่ก็จินตนาการได้
และเป็น “แรงจูงใจ”
ที่ทำให้ผู้ชายทั้งหลายตามตื้อตามจีบคุณอยู่ทุกวันนี้
(ตราบใดที่ 40% นี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ
แรงจูงใจจะยังคงมีต่อไปไม่ละความพยายาม…)

อย่างไรก็ดี แม้กามารมณ์จะเป็น “อันดับแรก” ที่ผู้ชายสนใจ
แต่กลับเป็น“อันดับสุดท้าย”
ในการตัดสินใจเลือกผู้หญิงที่จะขอแต่งงาน คุณผู้หญิงเคยสังเกตไหม
มีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ไปเที่ยวผู้หญิง
แต่ไม่เคยมีสักคนที่คิดจะจีบหรือขอหญิงที่เที่ยวมาเป็นภรรยา
(ยกเว้นจีบเพื่อกินฟรี) ทั้ง ๆที่ผู้หญิงเหล่านี้เจนจัดในการสนองกามารมณ์ของผู้ชาย
แถมหากผู้ชายรู้ว่าแฟนของตนผ่านเรื่องพรรค์นี้มากลับเป็นเรื่องใหญ่!
หรือคงจะเห็นได้บ่อยๆ ที่เป็นแฟนกันแล้วผู้หญิงถูกทิ้งหลังจากเสียตัวให้ฝ่ายชาย
(อาจทิ้งทันทีหรือรอสักระยะจนเบื่อ)
เพราะฉะนั้นผู้หญิงคนไหนที่คิดว่าตัวเอง “ไม่สวย” ไม่ต้องเสียใจเลยครับ
การที่ผู้ชายสักคนจะมาชอบคุณอาจต้องอาศัยเวลาหน่อย
กว่าจะมองเห็นคุณสมบัติในด้านอื่นๆ

แต่ถ้าเขารักคุณด้วยเหตุผลอื่นที่เหนือกว่าคุณกลับมีโอกาสสูงที่จะได้เป็น
“ภรรยา”ไม่ใช่ “คู่นอน”
และไม่ต้องถูกทอดทิ้งในภายหลังความเข้าใจผิดประการหนึ่งของผู้หญิงสมัยนี้
คือความคิดที่จะผูกมัดผู้ชายด้วย
“sex” กลัวเขาจะทิ้งหากไม่ยอม
ผมกล้าพูดได้เต็มปากชนิด 100% เลยว่า
“ถ้าผู้ชายคนไหนบอกว่าจะทิ้งคุณไปเพราะเหตุว่าคุณไม่ยอมมีอะไรกับเขา
ผู้ชายคนนั้นกำลังหลอกคุณและเขาหวังเฉพาะเรือนร่างของคุณโดยไม่ได้รักคุณเลย !!!!
จริงอยู่กามารมณ์เป็นสิ่งที่ผู้ชายต้องการแต่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถผูกมัดผู้ชายไว้ได้
เขาจะมีคุณคนเดียวหรือมีผู้หญิงอื่นอีกเท่าไหร่ก็ได้เพราะไม่เกี่ยวกัน
(ชอบกินส้ม ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กินทุเรียน น้อยหน่า ฯลฯ)

กามารมณ์เป็นสิ่งที่จากไปได้เร็วกว่าคุณสมบัติอื่น ๆ
(มาก่อนก็ไปก่อน)
คนที่สวยกว่ายังมี อายุมากขึ้นก็สู้สาว ๆ
ไม่ได้แล้วหรือพอเคยชินเข้าก็เบื่อนอกจากนี้

“แรงจูงใจที่ได้รับการตอบสนองแล้วจะไม่สามารถใช้จูงใจได้อีก”
ดังนั้นถ้าผู้หญิงรู้จักใช้แรงจูงใจทาง sex
ที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองของผู้ชายให้เป็นประโยชน์
ดึงให้ผู้ชายผ่านระยะเวลาจนมีพัฒนาการทางด้าน
(2) ความรัก และ (3) ความนับถือ
เรื่อยไปจนถึงการแต่งงาน จึงจะนับว่าเป็นผู้หญิงฉลาด
ไม่ต้องเสียคนรักไปในภายหลัง
(ถ้าจะเสียก็เสียผู้ชายเลว ๆ ที่ไม่ได้รักเราจริง
แต่ไม่ต้องเสียตัวเสียใจเมื่อวันนึงเจอผู้ชายดี ๆ
ที่รักเราจริงและเราต้องเป็นแม่ของลูกเขา)

2. สิ่งต่อไปที่ผู้ชายต้องการจากผู้หญิงคือ “ความรัก”
ความรักหมายถึงการเข้าอกเข้าใจ ความเป็นห่วงเป็นใยเอื้ออาทร
การพูดคุยกันรู้เรื่องฯลฯ
ที่เป็นเรื่องของจิตใจล้วน ๆ
แบบเดียวกับที่ผู้หญิงรักผู้ชายนั่นแหละไม่ต่างกัน
ความรักจะมีอิทธิพลในระดับสูงกว่ากามารมณ์ที่กล่าวถึงในตอนต้น

แต่สำหรับผู้ชายการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นความรักจะช้ากว่าผู้หญิง
เพราะมัวไปหลงด้านกามารมณ์ซะมาก
(ที่บอกว่ารักก็อิงกับกามารมณ์ไม่ใช่รักแบบที่ผู้หญิงคิด)
จนเมื่อเวลาผ่านไป ผ่านอุปสรรคความยากลำบากต่าง ๆ
มีการพิสูจน์ใจกัน
มีการมุ่งมั่นสร้างหลักฐานเก็บเงินแต่งงาน สร้างอนาคต
พิสูจน์ตัวเองให้พ่อ-แม่ฝ่ายหญิงยอมรับ ฯลฯ จึงเกิดเป็นความรัก
ผู้หญิงสมัยนี้ชอบเสียท่าผู้ชายก่อนที่ผู้ ชายจะเกิดความรักจริง ๆจึงต้องเสียใจที่ถูกทิ้ง

ที่จริงแล้วคนสมัยก่อนเขามีกุศโลบายให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว
ให้ผู้ชายอดทนทำงานเก็บเงินมาสู่ขอ
ก็เพื่อพัฒนาตรงจุดนี้เพราะมันต้องใช้เวลา
และผ่านความยากลำบากมาจึงจะเกิดความรักแบบนี้ได้
(สำหรับผู้ชาย) ก็ไปหาว่าหัวโบราณบ้าง ไม่ทันสมัยบ้าง
ที่จริงคนสมัยนี้ยิ่งเรียนก็ยิ่งโง่แล้วก็มานั่งเสียใจไม่รู้ว่าชีวิตทำไมมีแต่ปัญหา

อีกเรื่องที่ไม่ค่อยยุติธรรมคือ
ส่วนใหญ่ผู้ชายที่รักผู้หญิงจริงชนิดหมดหัวใจ
กลับไม่ค่อยกล้าที่จะบอกหรือแสดงว่ารัก
ส่วนผู้ชายที่ปากหวานบอกรัก
กลับเป็นผู้ชายประเภทเจ้าชู้ที่ผ่านผู้หญิงมามาก
(และจะผ่านต่อไป)
สาเหตุก็คือผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวจะไม่ค่อยสันทัดกับการจีบผู้หญิง
และไม่ค่อยมีประสบการณ์ทางด้านนี้

กลัวว่าหากทำอะไรผิดพลาดอาจสูญเสียคนที่ตนรักไป
ในขณะที่ผู้ชายเจ้าชู้จะมีประสบการณ์มามากในการจีบผู้หญิง
รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรและถึงจีบไม่สำเร็จก็ไม่กลัวเพราะไม่ได้รักอะไรมากมาย ..
แต่เชื่อไหม?…ผู้หญิงส่วนใหญ่กลับมองไม่ออกว่า
ผู้ชายคนไหนที่รักจริง (รำคาญด้วยซ้ำ)
ชอบแต่จะฟัง “คำพูด”
แค่บอกว่ารักก็เชื่อสนิท…เสร็จเสือผู้หญิง!

3.สิ่งต่อไปคือ “ความนับถือ” หรือ “ความดี”
ผู้ชายต้องการให้ผู้หญิงวางตัวในลักษณะเป็นที่น่านับถือเกรงใจ
หรือพูดง่ายๆคือ “เป็นคนดี วางตัวเหมาะสม”
ผู้ชายส่วนใหญ่จะชอบผู้หญิงที่อ่อนหวานเรียบร้อย รักนวลสงวนตัว
ให้เกียรติและมีความซื่อสัตย์ต่อสามี และมีวุฒิภาวะทางอารมณ์สูง
(ไม่จู้จี้ขี้บ่น ไม่หึงหวงแบบไร้เหตุผล
ไม่ทำตัวหวาดระแวงเป็นนักสืบ ฯลฯ)
อย่างเช่นผู้ชายแอบไปมีเมียน้อยหรือเที่ยวผู้หญิง

(อย่างที่กล่าวข้างต้นกามารมณ์กับความรักสำหรับผู้ชายเป็นคนละส่วนกัน
ผู้ชายทุกคนชอบดูรูปโป๊แต่ไม่เคยจำหน้าผู้หญิงในรูปได้)

แต่จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่วางตัวเหนือกว่าทางด้านวุฒิภาวะ
ลองผู้หญิงนิ่งๆรู้ทัน แต่ไม่เอะอะโวยวายดูสิ
ขี้คร้านผู้ชายจะเกรงใจไม่กล้าทำอีก

เรื่องความดีหรือวามนับถือนี่เป็นสิ่งที่สำคัญ
“มากที่สุด”ที่ผู้ชายอยากได้หญิงบริสุทธิ์มาเป็นภรรยา
ก็เพราะมันมีส่วนสัมพันธ์กับความดี
ไม่ใช่เห็นแก่ตัวอย่างที่ผู้หญิงคิดกัน
(แต่ทางกามารมณ์ก็มีอยากได้ของใหม่ ๆ สะอาด กระชับ ได้อารมณ์
และเป็นของเราคนเดียวไม่ใช้ร่วมกับใคร)

อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายหรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
(ก็ขนาดพ่อแม่รักจะตายยังขาดความยับยั้งชั่งใจแอบหนีไปมีอะไรกับใครได้
จะมั่นใจได้ยังไงว่าต่อไปจะไม่แอบไปมีชู้)

ผู้ชายที่หลอกฟันหญิงบริสุทธิ์แล้วทิ้งก็เพราะเขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีที่น่านับถืออีกต่อไป
(ผู้หญิงดี ๆ ที่เป็นหม้ายเพราะสามีตาย
ยังน่าขอแต่งงานด้วยมากกว่าผู้หญิงโสดที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม)

อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนไหนที่ชีวิตผิดพลาดไปแล้วขอให้หยุดแค่นั้นอย่าให้เกิดขึ้นอีก
(ถ้าคุณเป็นคนที่ดีจริง ๆ เขาจะอภัยให้คุณแม้จะเสียใจลึกๆ)
คุณลองดูคู่แต่งงานที่อยู่กินกันมานาน ดูคุณพ่อคุณแม่คุณก็ได้
ทุกวันนี้เขายังหวานแหววแบบหนุ่มสาวไหม เมื่อเวลาผ่านไป
ความสำคัญทางกามารมณ์ลดลง
ก็จะมี “ความรัก” และความนับถือหรือ “ความดี”

นี่แหละที่จะทำให้อยู่กันไปได้ตลอดที่เขียนมาทั้งหมด
ก็หวังจะให้เป็นวิทยาทานแก่คุณผู้หญิงทั้งหลายนะครับ
(คุณผู้หญิงคงจะอ่านไปด่าไที่ผู้ชายมีความคิดสกปรกเห็นแก่ตัวแบบนี้)
สำหรับตัวผมเองเป็นผู้ชาย
อยู่ในสังคมของผู้ชายย่อมเข้าใจนิสัยของผู้ชายดี
ก็อยากให้ผู้หญิง (ที่พอจะรับฟังในสิ่งที่ผมพูด) มีความสุขสมหวัง

ไม่ต้องเสียอกเสียใจและพบกับปัญหาชีวิตคู่ (แบบว่าเห็นมามาก)
ยังไงก็ตามอ่านแล้วก็อย่านึกด่าผมนะครับ
เพราะตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยทำให้ผู้หญิงคนไหนเสียใจ…

ทิ้งท้ายคาถาให้บทหนึ่ง
*** ขอให้เป็นกุลสตรีที่รักนวลสงวนตัววางตัวเหมาะสมเรียบร้อย(เขาจะขอคุณแต่งงาน)
แต่เป็นสาวร้อนเวลาอยู่บนเตียง(เขาจะได้ไม่ไปหาหญิงอื่นเพื่อชดเชย) ***

… นี่คือผู้หญิงอันดับ 1เลยครับที่ผู้ชายทั้งหลายใฝ่ฝัน…

บทความความรักที่เข้าใจ บทนี้ และบทความที่เกี่ยวข้อง
ได้อ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ หวังว่าจะทำให้เข้าใจคนรักคุณมากขึ้นนะครับ ^_^

2 thoughts on “ความรักที่เข้าใจ”

  1. จาก guru.google.com อีนาง ณ บางกอก
    ก็… เป็นเรื่องจริงของ ญ กะ ช ไงคะ^^
    ถ้าจะวิเคราะกันเป็นข้อๆถึงความแตกต่าง
    และไม่แตกต่างคงจะยาวมากๆเป็นแน่
    ขนาดตัวเรายังเข้าใจตัวเราไม่ได้เลย จริงป่ะ 55++
    ถ้าจะหวังให้ใครมาเข้าอกเข้าใจเราไปซะหมดคงจะยากนะเราว่า
    เอาเป็นว่าถ้าคิดจะรักใครซักคนดูแล ใส่ใจ เข้าใจ เอาใจ กันมากๆ
    ทำทุกอย่างจากใจ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก็คงพอ เนอะๆ ^^

  2. จาก guru.google.com อีนาง ณ บางกอก
    เรื่องง่ายๆ ที่ผู้ชาย ไม่เข้าใจผู้หญิง
    ฉันไม่เคยเข้าใจ…ว่าทำไมผู้ชายถึงสะกดคำว่า “เข้าใจผู้หญิง” ได้ยากนัก
    ใช่… ผู้หญิงอาจจะเป็นมนุษย์ที่แปลก
    เพราะในความสวยงามมีความร้ายกาจซ่อนอยู่
    เพราะในความอ่อนโยนมีความเข้มแข็งมากมาย
    เพราะในความหมายของคำที่เปล่งวาจาออกไป อาจแปลได้ว่า “ตรงกันข้าม”
    อย่างเช่น… ใช่ อาจแปลได้ว่า ไม่
    Ex.
    เวลาที่เธอบอกกับฉันว่าต้องไปสังสรรค์กับเพื่อน
    ความจริงแล้วฉันอยากไปกับเธอใจแทบขาด
    ก็ทำไมล่ะ… ในเมื่อฉันเป็นแฟนเธอ แล้วฉันจะไปไหนมาไหนกับเธอไม่ได้หรือ
    แต่มันก็น่าน้อยใจนะ…ที่เธอกลับไม่ชวนฉันสักคำ
    และพอเธอถามว่า “อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”
    ฉันจะตอบยังไงได้ นอกจาก “ใช่ ฉันอยู่ได้”

    แต่เธอไม่รู้หรอกว่า… จริงๆ แล้วฉันได้แต่ เสียใจ เสียใจ
    ที่เธอพยักหน้าง่ายๆ แล้วทิ้งฉันไว้คนเดียว
    ไม่ อาจแปลได้ว่า ใช่
    Ex.

    วันนั้นที่มีผู้หญิงเข้ามาทักเธอ ระหว่างที่เราเดินกันอยู่ในห้างฯ
    แล้วเธอก็ค่อยๆ เอาแขนออกจากมือของฉันที่เกาะกุมอยู่ เธอพูดคุยกับเขา
    ยิ้มให้เขา หัวเราะกับเขา

    ใช่… ฉันรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงเพื่อนสมัยมัธยมปลาย
    แต่ฉันไม่ชอบสถานการณ์ที่เหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินอย่างนั้นเลย

    ที่สำคัญ… ตอนที่เรานั่งรถกลับบ้านด้วยกัน เธอถามฉันว่า
    “เป็นอะไร คงไม่ได้หึงหรอก…ใช่ไหม”
    เธอคงไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกตรงกันข้ามกับคำตอบที่ให้ไป
    “ไม่ ฉันจะหึงทำไม ก็นั่นแค่เพื่อนนี่นา” เปล่านะฉันไม่ได้ หึง หรือ หวง
    ที่เธอจะมีเพื่อนผู้หญิง แต่ฉันจะรู้สึกแย่มากๆ
    ที่เธอไม่แนะนำกับเพื่อนเธอสักคำว่าฉันเป็น แฟน

    อยากไปไหนก็ไปเลย อาจแปลได้ว่า อย่าไปนะ
    Ex.
    เธอเคยบอกว่าเวลามีอะไรอยากให้คุยกันตรงๆ
    เธอเคยบอกว่าถ้าเราโกรธกัน อยากให้ปรับความเข้าใจในทันที
    ไม่รู้เลยหรือไงว่า…พูดง่าย…แต่มันทำยาก

    อารมณ์… ไม่ได้เกิดขึ้นจากเหตุผลนะ
    และมันก็รวดเร็วเกินกว่าที่สมองของคนเราจะยับยั้งมันได้ทัน
    เหมือนกับครั้งนั้น…ที่เราทะเลาะกันแรงมากๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
    แต่ฉันมีความคิดเดียวในใจ “พูดคำว่า ขอโทษ สิ แค่คำเดียว แล้วเราจะเหมือนเดิม”
    ฉันรู้ว่าฉันเองก็มีส่วนผิด แต่…ฉันก็แค่อยากได้ยินเธอขอโทษก่อน
    เป็นการกระทำที่งี่เง่ามากๆ เลย…ฉันรู้ตัวเองดี
    เพราะอย่างนี้… ตอนที่ฉันตะโกนออกไปว่า “อยากไปไหนก็ไปเลย!”
    เธอถึงได้เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองฉันแม้แต่น้อย

    ไม่รัก อาจแปลได้ว่า รัก
    Ex.
    ทุกครั้งที่เรางอนกัน…(โดยเฉพาะทุกครั้งที่ฉันงอนเธอ)
    แม้ว่าฉันจะรู้สึกอยากคืนดีกับเธอแค่ไหน แม้ว่าฉันจะรู้สึกดีใจกับ
    “วิธีง้อ” มากเพียงใด แต่ถ้าเธอถามฉันว่า “ยัง รัก ผมอยู่ใช่ไหม”
    ฉันจะตอบโดยไม่ต้องคิดให้หนักใจเลยว่า “ไม่รัก”
    และเมื่อเราคืนดีกันจริงๆ แล้ว… เธอก็จะถามทุกครั้ง
    “พูดคำไม่รักออกมาได้ยังไง ในเมื่อยังรักผมอยู่”

    นั่นสินะ… ฉันก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน แต่ในเมื่อเธอบอกว่ารักฉัน…
    เธอจะยอมเข้าใจและอภัยในความไร้เหตุผลของคนที่เธอรักบ้างไม่ได้เชียวหรือ?

    เรื่องปากไม่ตรงกับใจของผู้หญิง… ฉันว่าแม้แต่วิทยาศาสตร์ก็คงให้คำตอบไม่ได้
    เพราะแม้แต่ผู้หญิงอย่างฉันยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่า ทำไมบางทีถึงชอบพูด
    หรือทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจ

    แต่ฉันว่าถ้าผู้ชายจะรักผู้หญิงสักคน…ก็น่าจะรักทุกอย่างที่เป็น
    ของผู้หญิงเหมือนกับผู้หญิงอย่างฉัน…
    ที่กำลังพยายามทำความเข้าใจกับความตัวตนเย็นชา ของผู้ชายเหมือนกัน

    แค่สะกดคำว่า “เข้าใจ” ให้ได้ และหัด “ใจเย็น” ให้เป็น
    แม้มันอาจจะไม่ง่าย แต่มันก็คงไม่ยากเย็นนักหรอก สำหรับคนที่รักกัน

    ต่อท้าย #1 23 ก.พ. 2553, 14:34:36 เราว่าผู้ฟญิงเป็นแบบนี้จริงๆนะ ว่ามั้ย ^^

Leave a Reply