ยอดพุ่งเด็กเสียตัว

ยอดพุ่งเด็กเสียตัว
ยอดพุ่ง-เด็กเสียตัว ระดมแก้ภัยเน็ต
เตือน อินเตอร์เนต มหาภัยวัยรุ่นยุคใหม่ ครูยุ่น
ระบุปัญหาใหญ่คือเรื่องเซ็กซ์ เผยเด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์
ต้องอยู่คนเดียวเมื่อเกิดอาการเปลี่ยวเหงาก็หาเพื่อนคุยผ่านทางอินเตอร์เน็ต
ทำให้เด็กหลายคนต้องเสียตัวเพราะอินเตอร์เน็ต
เผยข้อมูลเคยมีผู้ปกครองอยากจะแจ้งจับลูกชายตัวเอง
หลังชักชวนเพื่อนมารุมโทรมหญิงที่ติดต่อทางอินเตอร์เน็ต

แนะทางแก้ให้มีการแนะนำวิธีการใช้ที่ถูกต้อง
ให้ผู้ปกครองจับตาดูการใช้อินเตอร์เน็ตของลูกหลาน

เตือนภัยอินเตอร์เน็ต โดยเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 พ.ค.
ที่โรงแรมเอเชีย สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย
ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)
จัดการเสวนาเรื่อง วิธีป้องกันภัยจากอินเตอร์เน็ต
การแก้ปัญหาและข้อเสนอแนะ โดยผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย
นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น ส.ว.สมุทรสงคราม
และเลขามูลนิธิคุ้มครองเด็ก พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รอง ผบก.ศูนย์ข้อมูลข้อสนเทศ
และนายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย นายวันฉัตร ผดุงรัตน์ ผู้ดูแลเว็บไซต์ Pantip.com
นางศรีดา ตันทะอธิพาณิช ผู้ดูแลเว็บไซต์ Thaiparents.net
และนางทัศวรรณ์ ประพัฒน์ทอง ผู้ดูแลเว็บไซต์ qq.th.com

นายมนตรีกล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นอินเตอร์เน็ตคือปัญหาเรื่องเซ็กซ์
แค่การจัดการปัญหาเรื่องนี้เรื่องเดียวก็ถือว่าเป็นการยากมากแล้ว
โดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์ ต้องอยู่คนเดียว
เมื่อเกิดอาการเปลี่ยวเหงาก็หาเพื่อนคุยผ่านทางอินเตอร์เน็ต
ซึ่งกลายเป็นพระเจ้าของเด็กและเยาวชนไปแล้ว
ทำให้เด็กหลายคนต้องเสียตัวเพราะอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีเยอะมาก
บางคนเสียตัวโดยที่พ่อแม่ไม่รู้เลยก็มี
และปัจจุบันนี้ไม่ได้มีปัญหาเฉพาะในเมืองเท่านั้น แต่ลามไปถึงต่างจังหวัดแล้ว
เพราะอินเตอร์เน็ตได้แพร่หลายไปจนถึงเด็กที่อยู่ในต่างจังหวัด

นายมนตรีกล่าวต่อว่า ผู้ชายในอินเตอร์เน็ตมักพยายามที่เข้ามาตีสนิทกับ
ผู้หญิงด้วยเวลาอันรวดเร็ว โดยพยายามทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่ารักติดพัน
ต่อจากนั้นจึงเป็นการนัดพบกันก่อนที่จะไปสู่การเสียตัวในที่สุด
ซึ่งไม่เพียงแค่นั้นยังมีให้เห็นอีกหลายครั้งว่ามีการนำไปรุมโทรมด้วย
เคยมีผู้ปกครองรายหนึ่งโทร.มาเล่าให้ตนฟังว่า
ลูกชายของเขาติดต่อกับผู้หญิงคนหนึ่งทางอินเตอร์เน็ต
จากนั้นจึงพาหญิงคนนั้นมาที่บ้าน หลังจากที่ได้เสียกัน
ลูกชายของเขากลับมาเพื่อนมารุมโทรมผู้หญิงคนนั้น
ซึ่งเขาเองรับพฤติกรรมอย่างนั้นไม่ได้ จนอยากจะแจ้งให้ตำรวจจับลูกชายตัวเอง

เรื่องเพศเป็นเรื่องใหญ่มากทางอินเตอร์เน็ต เป็นการเปิดประตูให้ใครก็ไม่รู้
มารู้จักกับลูกสาวของเรา ยิ่งเด็กมีความเหงา ความคับข้องใจ และมีปัญหามากขึ้น
โดยที่ไม่สามารถปรึกษาพ่อแม่ได้
ก็จะนำไปสู่ช่องว่างทางครอบครัวจนทำให้เกิดการเสียตัว
นอกจากนั้นยังมีเว็บไซต์ที่ขายบริการทางเพศ สื่อยั่วยุทางกามารมณ์อีกมาก
ซึ่งผมเชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่เข้ามาเล่นอินเตอร์เน็ตเพื่อจุดประสงค์ทาง
เรื่องเพศนายมนตรีกล่าว

ครูยุ่น กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยี
แต่อยากให้มีการแนะนำวิธีการใช้ที่ถูกต้องต่อเด็กและเยาวชน
เพราะมีคนเป็นจำนวนมากที่มาปรึกษาตน
เพราะลูกไปเล่นแชททางอินเตอร์เน็ตแล้วถูกล่อลวงไปข่มขืน
สิ่งที่ไม่เปิดเผยในโลกของเทคโนโลยีมีเยอะมาก
มีคนคอยจ้องที่เอาเปรียบผู้อื่นในอินเตอร์เน็ตอยู่เยอะ
ดังใครที่ไม่มีทักษะอาจตกเป็นเหยื่อของผู้อื่นโดยง่าย
ดังนั้น การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้อย่างเหมาะสมนั้น
ตนเห็นว่าควรจะมีการจัดทำเป็นหลักสูตรตำราเรียน
สอนถึงจริยธรรมในการใช้อินเตอร์เน็ต
และอยากให้ผู้ปกครองจับตาดูการใช้อินเตอร์เน็ตของลูกหลาน
พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดและให้คำแนะนำว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร
เพราะการห้ามปรามอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ

พ.ต.อ.ญาณพลกล่าวว่า อินเตอร์เน็ตมีประโยชน์มหาศาลมาก
ขึ้นอยู่กับผู้ที่ใช้ว่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์หรือไม่
มีคนเป็นจำนวนมากที่ใช้อินเตอร์เน็ตในทางที่ไม่ถูกต้อง
ไม่ว่าจะเป็นการทำลายแฟ้มข้อมูลประวัติผู้อื่น
การเข้าไปขโมยข้อมูลหรือการละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆ
ซึ่งคดีพวกนี้เป็นคดีที่แตกต่างกับคดีความทั่วไป
เพราะผู้ที่ทำผิดไม่ได้มาทำในที่เกิดเหตุ แต่มาตามสาย
อีกทั้งไม่มีประจักษ์พยาน และตำรวจก็ไม่ได้มีหน้าที่ป้องกันเรื่องนี้โดยเฉพาะ
เพราะผู้ร้ายสามารถอยู่ที่ไหนในโลกก็ได้ ซึ่งว่าไปแล้วตำรวจไม่ทางป้องกันเลย

การป้องกันทางอินเตอร์เน็ตเป็นเรื่องยากมาก เพราะเมื่ออยู่ในโลกไซเบอร์แล้ว
ไม่มีตัวตน ดังนั้น จะชั่วหรือดีอยู่ที่วิจารณญาณของผู้ที่ใช้
และปัญหาในอินเตอร์เน็ตไม่ได้มีแค่ที่กล่าวมา แต่ยังมีปัญหาเรื่องเพศ
และปัญหาเรื่องเกมส์ด้วย ซึ่งจะโทษว่าเกมส์ผิดก็ไม่ได้
ต้องโทษผู้ปกครองที่ไม่คอยดูแล ผู้ปกครองควรสอนให้เด็กรู้ว่าสิ่งไหนดีไม่ดี
แม้ว่าจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องมากมาย แต่การแก้ปัญหาควรเริ่มต้นที่ครอบครัว
พ.ต.อ.ญาณพลกล่าว

ขณะที่นายวันฉัตรกล่าวว่า นักเทคโนโลยีหลายคนกำลังหนักใจอยู่ว่าถูกต้องหรือไม่
ที่อินเตอร์เน็ต แต่ตนเชื่อว่าทุกอย่างสามารถป้องกันได้
ซึ่งเราควรร่วมมือกันให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทุกคนแยกแยะให้ออกว่าสิ่งไหนดี ไม่ดี
ตนไม่แน่ใจว่าปัญหามันเกิดขึ้นจากอะไร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า
อินเตอร์เน็ตเป็นตัวที่ขยายให้เกิดปัญหา เมื่อก่อนรูปโป๊หาดูได้ยาก
แต่เดี๋ยวนี้แค่คลิกไปก็เจอแล้ว

ผมว่าอินเตอร์เน็ตไม่มีภัย แต่ภัยเกิดจากผู้ที่ใช้
เพราะมันมีหลายอย่างที่แฝงมากับเทคโนโลยี ซึ่งถือว่ามีพลังต่อสังคมเยอะมาก
หรือสิ่งนี้อาจเป็นสิ่งที่พระเจ้าส่งมาเพื่อวัดใจคน
เพราะแค่คลิกนิดเดียวอาจส่งเราขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็ได้
การแก้ปัญหาที่ดีผมคิดว่าควรให้คนบนอินเตอร์เน็ตมีตัวตน
เพราะการไม่มีตัวตนบนอินเตอร์เน็ต ทำให้หลายคนไม่ละอายต่อบาปเลย
นายวันฉัตรกล่าว

ด้านนางทัสวรรณ์กล่าวว่า ตนเห็นว่าเราสามารถใช้อินเตอร์เนตให้เป็นประโยชน์ได้
แต่ก็สามารถนำไปทำร้ายผู้อื่นได้เหมือนกัน เหมือนกับดาบสองคม ขึ้นอยู่กับผู้ใช้
เรื่องทางเพศนั้นเป็นเพราะผู้ที่ใช้ไร้เดียงสา ไม่ได้รับการสั่งสอนแนะนำที่ถูกต้อง
จึงถูกยั่วยุได้ง่าย หากผู้ใหญ่ดูแลอย่างใกล้ชิดก็สามารถป้องกันเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้
และหากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมีตัวตน ปัญหาอาจเกิดขึ้นน้อยกว่าที่เป็นอยู่

ขณะที่นางศรีดากล่าวว่า ตนเห็นว่าจริงๆแล้วอินเตอร์เน็ตไม่มีภัยอะไร
แต่ภัยมันแฝงมากับอินเตอร์เน็ตมากกว่า
ซึ่งที่ผ่านมาเราโปรโมตแต่ด้านดีของอินเตอร์เน็ตแต่ไม่ค่อยมีการโปรโมตด้าน
ที่ไม่ดี ซึ่งตนเห็นว่าโครงการคอมพ์ราคาถูกของรัฐบาล
อาจช่วยให้ปัญหาภัยทางเน็ตลดลง
เพราะน่าจะมีการใช้อินเตอร์เน็ตร่วมกันในครอบครัวมากขึ้น
ซึ่งจะเป็นการสานสัมพันธ์ครอบครัวได้ด้วยในตัว
และจะเป็นโอกาสที่ผู้ปกครองจะได้อบรมจริยธรรมให้ลูกด้วย

สำหรับความคืบหน้ากรณีข่าวฉาว สวิงกิ้ง วันเดียวกัน
สวนดุสิตโพล สถาบันราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจคามคิดเห็นประชาชน
ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,488 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 676 คน
และผู้หญิง 812 คน สรุปได้ดังนี้ ต่อข้อถามที่ว่า
ความรู้สึกของประชาชนต่อข่าวสวิงกิ้ง พบว่า
อันดับ 1 คิดเป็น 32.19% รู้สึกไม่ดีรับไม่ได้
อันดับ 2 คิดเป็น 24.79% บอกว่า แย่ วัฒนธรรมเสื่อมโทรมลงทุกวัน
อันดับ 3 คิดเป็น 18.36% รู้สึกได้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำเช่นนี้
อันดับ 4 คิดเป็น 13.10% บอกว่ารู้สึกเฉยๆ เพราะมีมานานแล้ว
ขึ้นอยู่กับความคิดความพอใจของแต่ละบุคคล
อันดับ 5 คิดเป็น 9.80% บอกว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ รสชาติใหม่ๆ
และอื่นๆ 1.76%

ส่วนคำถามที่ว่า สาเหตุของการสวิงกิ้ง ในทัศนะของประชาชน
อันดับ 1 คิดเป็น 30.18% บอกว่ารักสนุก อยากลอง อยากมีความตื่นเต้น
อันดับ 2 คิดเป็น 20.18% บอกว่าความไม่พอใจในคู่นอนของตัวเอง
อยากเปลี่ยนรสชาติการมีเพศสัมพันธ์
อันดับ 3 คิดเป็น 18.96% บอกว่าการรับเอาวัฒนธรรมจากตะวันตกเข้ามาในสังคม
อันดับ 4 คิดเป็น 14.89% เป็นความผิดปกติทางอารมณ์
อันดับ 5 คิดเป็น 8.36% เป็นความชอบส่วนบุคคล/เห็นเรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมดา
และอื่นๆ คิดเป็น 7.43% เช่น อิทธิพลของเงินตราและยาเสพติด

ต่อข้อถามที่ว่า ประชาชนคิดว่าข่าวในลักษณะนี้จะเป็นอย่างไร
อันดับ 1 คิดเป็น 62.67% ตอบว่าเพิ่มขึ้น เพราะสังคมไทยแย่ลง,
รับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามากเกินไป,
อาจเกิดจากการอยากลองของวัยรุ่น

อันดับ 2 คิดเป็น 30.01% ตอบว่าไม่แน่ใจ
เพราะเป็นเรื่องของส่วนบุคคลขึ้นอยู่กับจิตใจของคนมากกว่า
ไม่สามารถไปบังคับ ได้

และอันดับ 3 คิดเป็น 7.32% ตอบว่าลดลง เพราะเป็นสิ่งผิดศีลธรรม,
ผู้ที่คิดจะทำผิดมีความกลัวถูกจับกุมมากขึ้น

ต่อข้อถามที่ว่า ข่าวสวิงกิ้งมีผลทำให้ภาพพจน์ของเมืองไทย
ที่เป็นเมืองพุทธเปลี่ยนไปอย่างไร
อันดับ 1 คิดเป็น 38.29% บอกว่าทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียง/เสียภาพพจน์
ในสายตาของชาวต่างชาติ
อันดับ 2 คิดเป็น 19.14% บอกว่าทำให้ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นประเทศฟรีเซ็กซ์,
มั่วเซ็กซ์
อันดับ 3 คิดเป็น 15.78% บอกว่าทำให้ค่านิยม/การเลียนแบบวัฒนธรรมตะวันตก
อันดับ 4 คิดเป็น 14.77% บอกว่าประเทศไทยศีลธรรมเสื่อมลง/ศาสนาหย่อนหยาน
และอันดับ 5 คิดเป็น 12.02% บอกว่าไม่เปลี่ยน เพราะมีมานานแล้ว
แต่เพิ่งมาเปิดเผย/เป็นเพียงกลุ่มกลุ่มเดียวเท่านั้น

ส่วนคำถามที่ว่า ประชาชนคิดว่าวิธีแก้ไขควรทำอย่างไร
อันดับ 1 คิดเป็น 43.64% ตอบว่าปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี/จริยธรรมวัฒนธรรมที่ดี
ให้กับเยาวชน

อันดับ 2 คิดเป็น 25.09% ตอบว่า
เปลี่ยนทัศนคติเรื่องเซ็กซ์ใหม่/ให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ที่ ถูกวิธีมากขึ้น

อันดับ 3 คิดเป็น 12.62% ตอบว่าควรมีบทลงโทษที่รุนแรงและจริงจังให้มากขึ้น
โดยเฉพาะผู้ที่ลงภาพใน อินเตอร์เน็ต

อันดับ 4 คิดเป็น 12.11% ตอบว่าแก้ไขได้ยาก
เพราะเป็นความพอใจของแต่ละคน/ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละ คน

และอันดับ 5 คิดเป็น 6.54% ตอบว่า
สื่อไม่ควรออกข่าวมากเกินไป/สื่อควรนำเสนอแต่สิ่งที่ดีๆ/มีการควบคุม สื่อต่างๆ
ที่มา: ข่าวสด

Leave a Reply